"แบม" ภคกัญญา เจริญยศ สาวหมวยอินเตอร์แห่ง "Kiss Me Five"

เห็นหน้าตาเรียบร้อย ๆ แบบนี้ ไม่คิดว่าแบมจะเป็นคนกล้าแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก แบมเล่าว่า ตัวเองเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ขึ้นประกวดตามเวทีมาก็เยอะ จึงไม่ค่อยตื่นกลัวเท่าไหรกับการทำงานแบบนี้ เรียกว่าเจนเวทีกันมาพอดู กับเด็กสาวอายุ 17 คนนี้

เรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

"แบมเรียนที่เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ตอน กับ Ekamai International School ในช่วงประถมถึงมัธยมค่ะ แล้วก็สอบเทียบจากโรงเรียนอินเตอร์เข้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้แบมอยู่ปี 1 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาและวัฒนธรรม โทภาษาญี่ปุ่น หลักสูตรนานาชาติค่ะ มีหลายคนถามบ่อย ๆ ว่าทำไมถึงเลือกเรียนอักษรฯ แบมก็จะตอบว่าสอบเข้าคณะนิเทศฯ ไม่ติดค่ะ (หัวเราะ) ที่จริงแบมอยากเรียนนิเทศฯ มาก แต่ว่าคะแนนที่ใช้สอบเทียบเข้ามาไม่ผ่าน เลยต้องไปเรียนอักษรฯ ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่รองลงมาจากนิเทศฯ ค่ะ"

เข้ามาเป็น "แบม Kiss Me Five" ได้อย่างไร

"อย่างที่บอกไปว่าแบมชอบเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แล้วเผอิญครูที่สอนร้องเพลงเคยทำงานที่อาร์เอส เขาก็เลยบอกให้ไปลองออดิชั่นดู เพราะตอนนั้นที่อาร์เอสกำลังต้องการเด็กใหม่ ๆ เข้าสังกัด แบมก็เข้ามาลองออดิชั่นดู ปรากฏว่าผ่านเข้ารอบ ทางบริษัทจะให้รวมวงเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ก็เลยต้องเข้ามาเตรียมความพร้อมก่อนออกอัลบั้มจริง 1 ปี แล้วก็ออกมาเป็น "Kiss Me Five" จนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ"

การเรียนที่ควบคู่กับการทำงาน

"ต้องยอมรับว่าเป็นการทำสองอย่างที่เหนื่อยมากค่ะ งานเราก็ต้องทำ การเรียนก็ทิ้งไม่ได้ ยิ่งแบมเรียนนานาชาติด้วยแล้ว เรื่องเวลาจะเคร่งกว่าเรียนภาคปรกติมาก เวลาปิดและเปิดเทอมก็ไม่เท่ากัน สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดก็คือเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกันค่ะ บางครั้งมีซ้อมร้องเพลงที่บริษัท ซึ่งจะตรงกับวันที่ขาดเรียนไม่ได้ เราก็ต้องบอกทางบริษัทไป แต่ถือว่าศิลปินของที่นี่โชคดีที่ทางบริษัทเขาเน้นเรื่องเรียนเป็นหลัก เขาจะพยายามไม่ให้งานมากระทบกับการเรียน แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลาของตัวเองด้วยค่ะ แต่การทำงานพร้อมกับการเรียนแบบนี้ก็สอนประสบการณ์ให้กับแบมได้เยอะเลยนะคะ ทำให้แบมโตขึ้น และรู้จักกับโลกกว้างขึ้น"

แรงสนับสนุนจากครอบครัว

"ทางครอบครัวแบมสนับสนุนเต็มที่ค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่แบมชอบ แบมทำแล้วมีความสุขท่านก็สนับสนุนเต็มที่ อีกอย่างเรื่องการเรียนท่านก็ไม่ได้บังคับนะคะว่าต้องเรียนอักษรฯ และเป็นที่แบมคิดเองด้วยว่า สมัยนี้การสื่อสารและภาษาเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าสมัยก่อน โลกเรามีการพัฒนาเร็วขึ้น และภาษานี่แหละที่จะช่วยทำให้เราอยู่รอดและทำงานได้สะดวก ไม่อดตาย ส่วนวิชาโทที่แบมเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นเสริมนั้น เป็นความชอบส่วนตัว ที่แบมหลงใหลประเทศและวัฒนธรรมของที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วค่ะ บวกกับการที่อยากพูดได้ 3 ภาษา ซึ่งภาษาญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถมาก ทั้งพูดยาก ออกสำเนียงยาก เข้าใจยาก แต่พอแบมเริ่มเรียนนานไป เรื่อย ๆ ก็สนุกและเพลินมากกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นนี้ค่ะ"

รับเลือกเป็นดาวคณะ

"พอเข้ามหาวิทยาลัย แบมถือว่าเป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่งเลย ทำทุกอย่างที่พี่ ๆ ให้ทำ ถ้ามีเวลาก็จะช่วยทำตลอด เพราะแบมเป็นศิลปินเลยมีเวลาไม่ค่อยแน่นอน ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน ๆ ที่ทำงานกันเหนื่อย แต่ตอนนี้คงต้องช่วยกิจกรรมอย่างเต็มที่ เพราะแบมโดนเลือกเป็นดาวคณะ ยังแปลกใจไม่หายว่าโดนเลือกได้ยังไง (หัวเราะ) ทั้งที่แบมเป็นคนโก๊ะมาก ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนหน้าตาเลย เฮฮาปาร์ตี้ตลอด จนเพื่อน ๆ พูดว่า ไม่น่าเชื่อว่าแบมจะเป็นคนแบบนี้ ต้องยอมรับว่าการเรียนควบกับการทำงานแบบนี้ เพื่อนช่วยได้เยอะ เวลาที่แบมไปเรียนไม่ได้ เพื่อนก็จะช่วยจดช่วยจำมาสอนให้ ถือว่าตอนนี้การเรียนราบรื่นดีมาก สังคมเพื่อนก็ดีมากเช่นเดียวกันค่ะ"

"สุดท้ายแบมฝากถึงน้อง ๆนที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยแบบแบม หรือน้อง ๆ ที่อยู่ในวัยกำลังจะเข้าสู่มหาวิทยาลัย ยังไงก็รีบ ๆ เรียน รีบ ๆ ทำคะแนนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เนิ่น ๆ นะคะ อย่าไปคิดว่าเอาไว้ก่อน ไว้ใกล้ ๆ ค่อยอ่านค่อยขยัน มันจะไม่ทันกาลค่ะ เพราะการเรียนเป็นสิ่งสำคัญมากกับอนาคตของทุกคน ถ้าเราไมได้เรียนตามที่ใจชอบ หรือต้องซิ่วไปเรียนใหม่ เพราะความไม่ตั้งใจของตัวเอง แบมว่ามันน่าเสียดายมาก เสียดายทั้งเวลา ทั้งประสบการณ์ และก็เสียดายความรู้ด้วยค่ะ ยังไงก็ขอให้ตั้งใจเรียนให้มาก ๆ นะคะ พยายามนึกถึงคนที่อยากเรียนแต่ไม่มีโอกาส เรามีทั้งโอกาสและเงินทอง ก็ใช้ทุกอย่างที่ได้มาให้มันคุ้มค่าค่ะ"

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : ST.Moolthep ช่างภาพ : อำพล อยู่ถนอม