ป่วยเป็นหวัด ในหน้าฝน

ป่วยเป็นหวัด ในหน้าฝน

ป่วยเป็นหวัด ในหน้าฝน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนอาจจะชอบบรรยากาศเย็นสบาย มีฝนพรำ ๆ ตกข้างหน้าต่าง ให้อารมณ์โรแมนติก แต่ก็เบื่อหน่ายเวลาที่ต้องเดินย่ำน้ำเฉอะแฉะ ยิ่งวันไหนไม่ได้พกร่ม ก็มีหวังได้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลยทีเดียว

และอีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาของฤดูนี้ คือโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ


หลายคนร้องอ๋อ โรคหวัดนั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่า โรคระบบทางเดินหายใจ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้น ไม่ได้มีแค่โรคหวัด แต่ยังมีโรคอื่น ๆ ที่มาบั่นทอนสุขภาพเราอีกด้วย

โรคระบบทางเดินหายใจ เราสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ


1.โรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน

โรคนี้ที่พบได้บ่อยที่สุด คือ โรคหวัด เป็นกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่มักจะเกิดได้บ่อย ๆ ในเด็กวัยประถม อย่างสหรัฐอเมริกา มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคหวัดในเด็กวัยเรียน ที่ถือว่าเป็นปกติประมาณปีละ 6-8 ครั้ง ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ทำไม เดี๋ยว ๆ ก็เป็นหวัดอีกแล้ว ทั้งนี้ เวลาอยู่ที่บ้านโอกาสที่จะติดเชื้อน้อยกว่า ภูมิต้านทานก็ยังไม่แข็งแรง พอเริ่มไปโรงเรียนเพื่อนๆ เป็นหวัดโอกาสติดต่อก็เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งถ้าห้องเรียนเป็นห้องแอร์ โอกาสการติดเชื้อยิ่งง่ายกว่าปกติ โรคหวัดจะติดต่อกันโดยผ่านทางลมหายใจ และสารคัดหลั่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูก น้ำลาย เป็นต้น

สาเหตุของโรคหวัด มาจาก 2 ทาง คือ การติดเชื้อไวรัส และการติดได้รับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อทั้งสองชนิดนี้จะให้อาการที่ต่างกันเล็กน้อย การรักษาก็ต่างกันไปด้วย โดยหวัดที่มาจากเชื้อไวรัส นั้นมีมากมาย และก่อให้เกิดโรคทางระบบหายใจมีมากกว่า 200 ชนิดขึ้นไป จะแสดงอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เจ็บคอ ไอจาม คัดจมูก แสบตา น้ำตาไหล ตาแดง ส่วนใหญ่จะมีอาการอยู่ประมาณ 5-7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันชนิดนี้ขึ้นมา


ส่วนเชื้อที่มาจากเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้สูง บายรายอาจหนาวสั่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ลักษณะของน้ำมูกมักจะมีสีเขียวปนเหลืองให้เห็นตั้งแต่วันแรกๆ ของโรค อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลือง บริเวณลำคอ และกดเจ็บร่วมด้วย จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้อักเสบร่วมกับการรักษาตามอาการ


2.โรคระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
มี 2 โรคที่สำคัญ ได้แก่ โรคปอดอักเสบ และโรคหลอดลมอักเสบ ทั้งนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อย และมีอาการตั้งแต่รุนแรงน้อยจนถึงมาก

- โรคปอดอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอดเอง พบได้ในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และมักจะรุนแรงมากกว่า เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีอาการที่พบจะประกอบด้วย ไข้ ไอ หายใจหอบ หรือมีลักษณะหายใจลำบาก ในเด็กเล็กมักจะมีอาการงอแงมากกว่าปกติ ไม่ยอมกินอาหารและน้ำ เมื่อตรวจร่างกาย จะได้ยินเสียงผิดปกติของปอด และเสียงหายใจ สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย นอกจากนั้น อาจเกิดจากการสูดสำลักอาหาร และน้ำ รวมทั้งสารเคมีต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้

สำหรับโรคปอดอักเสบ หากเป็นบ่อย ๆ อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของทางเดินหายใจอย่างถาวรได้ เช่น อาจจะทำให้เกิดเป็นโรคหลอดลมโป่งพอง ส่งผลทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ถดถอย และจำเป็นต้องให้การรักษาอย่างต่อเนื่องเหมาะสมตลอดชีวิต

- โรคหลอดลมอักเสบ เกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การแพ้ และการระคายเคืองจากสารเคมี สำหรับสาเหตุที่มาจากการติดเชื้อ อาการโดยทั่วไปมักเริ่มด้วยอาการของโรคหวัดนำมาก่อน เช่น ไข้ น้ำมูกใส ต่อมามีอาการไอ เริ่มต้นมักจะไอแห้งๆ แล้วตามมาด้วยไอมีเสมหะขาวใส หรือเหลือง ขึ้นกับชนิดของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการ เป็นได้ทั้งเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย อาการไอเป็นอาการเด่นที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ บางคนจะให้ประวัติว่าไอ มากจนอาเจียน หรือไอจนนอนไม่ได้ บางครั้งจะมีลักษณะของอาการหอบร่วมด้วย

จะเห็นได้ว่า โรคหวัด โรคหลอดลมอักเสบ หรือแม้แต่ปอดอักเสบ ล้วนเป็นโรคที่มาจากการติดต่อจากระบบทางเดินหายใจ เราสามารถหลบหลีกจากโรคเหล่านี้ได้ ด้วยการหมั่นรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ ในช่วงหน้าฝน การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่อยู่อาศัยให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงใบบริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น มีการออกกำลังกายที่เหมาะสม กินอาหารครบ 5 หมู่ รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดก็จะช่วยให้โอกาสการติดเชื้อลดลงได้


ดูแลตัวเองให้ดี ก็มีสุขภาพดีได้ในช่วงหน้าฝนนี้

ที่มา Never-Age.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook