เมื่อนักวิทยาศาสตร์ ตั้ง กองทุน ตามล่า "เยติ" หรือ "บิ๊กฟู้ต"

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ ตั้ง กองทุน ตามล่า "เยติ" หรือ "บิ๊กฟู้ต"

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ ตั้ง กองทุน ตามล่า "เยติ" หรือ "บิ๊กฟู้ต"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอเพื่อการสำรวจวิจัยที่ไม่ธรรมดาของ เจฟฟรีย์ เมลดรัม อาจารย์วิชาสรีระศาสตร์และมานุษยวิทยา ที่ถูกเพื่อนพ้องในแวดวงวิชาการค่อนแคะเอาว่าไม่ค่อยเป็นวิทยาศาสตร์และน่าได้รับการส่งเสริมสักเท่าใดนัก นั่นคือโครงการตามล่า "เยติ" หรือ "บิ๊กฟู้ต" หรือในชื่อที่รู้จักกันในวงแคบๆ ว่า "ซาสควอทช์" เพื่อให้แน่ใจกันว่า สิ่งมีชีวิตลึกลับที่อาจจะเป็นคนครึ่งลิง หรือลิงครึ่งคน ที่ว่านี้มีอยู่จริงหรือไม่กันแน่

หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบดังกล่าวแล้ว ศาสตราจารย์เมลดรัม ก็เริ่มมองหาเงินทุนสนับสนุนโครงการ เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็คือ 300,000 ดอลลาร์ (ราว 9 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้นจากภาคเอกชนที่สนใจเพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการจัดซื้อเครื่องบินไร้นักบินที่มีอุปกรณ์นำร่องและบังคับจากระยะไกล พร้อมติดตั้งกล้องดิจิตอลที่ตรวจจับคลื่นความร้อนได้ โดยหวังว่าจะใช้มันค้นหา "บิ๊กฟู้ต" ได้ในที่สุด

เมลดรัมบอกว่า การที่โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบและสามารถดำเนินการต่อไปได้ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการตามล่าหาสิ่งมีชีวิตลึกลับดังกล่าวนี้ที่เชื่อกันว่าอาจสืบสายเลือดมาจากลิงขนาดใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ทั่วไปในภาคพื้นเอเชีย ก่อนที่จะข้ามช่องแคบแบริ่ง ซึ่งเดิมเชื่อกันว่าเชื่อมต่อเอเชียกับทวีปอเมริกา และยังคงมีชีวิตอยู่ในอเมริกาเหนือในเวลานี้

เมลดรัมระบุว่า เป้าหมายของการค้นหาครั้งนี้ นอกจากเพื่อให้ได้คำตอบว่า เรื่องเล่าหรือตำนานที่เล่าขานกันต่อๆ มานั้นจริงหรือไม่แล้ว ยังเป็นไปเพื่อให้สามารถสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ชนิดนี้ที่เดินสองขาตัวตั้งตรงได้เหมือนมนุษย์ในสภาพการใช้ชีวิตตามธรรมชาติต่อไป โดยพื้นที่เป้าหมายในการสำรวจของเมลดรัม จะอยู่แถบตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโดยเฉพาะพื้นที่บริเวณภูเขาในรัฐยูทาห์ เรื่อยไปจนถึงบางส่วนทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เมื่อดำเนินการสำรวจนั้นนอกจากจะใช้เครื่องบินบังคับจากระยะไกลติดกล้องแล้ว จะมีทีมภาคพื้นดินเพื่อคอยตรวจสอบสัญญาณและพยายามลอง "ติดต่อ" กับบิ๊กฟู้ตอีกด้วย

ก่อนหน้าที่จะมีโครงการดังกล่าวนี้ มีหลายต่อหลายคนอ้างว่าพบเห็น บิ๊กฟู้ต หรือที่ชาวทิเบตแถบเทือกเขาหิมาลัยเรียกว่า เยติ เป็นจำนวนมาก บางส่วนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมา แต่มีอยู่ไม่น้อยที่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าได้เป็นการแต่งเรื่องขึ้นมา รวมทั้งการค้นพบรอยเท้าขนาดใหญ่ผิดปกติ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปเชื่อกันว่า บิ๊กฟู้ต หรือเยติ เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ถูกแต่งเติมด้วยการกุเรื่องหรือปลอมตัวมาหลอกลวงและการเข้าใจผิด เพราะเห็นสัตว์ใหญ่บางประเภทในระยะไกล และชี้ว่าหลักฐานที่อ้างกันว่าเป็นร่องรอยของบิ๊กฟู้ตนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานที่มีมาตรฐานสูงในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ อย่างเช่นไม่เคยมีฟอสซิล หรือหลักฐานทางกายภาพอื่นใดเลยเป็นต้น

โครงการสำรวจเพื่อหาบิ๊กฟู้ตของศาสตราจารย์เมลดรัมนั้น เริ่มต้นจากชายชาวยูทาห์ที่ชื่อวิลเลียม บาร์นส์ ซึ่งอ้างว่าเผชิญหน้ากับบิ๊กฟู้ตในพื้นที่ป่าทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1997 เมื่อบิ๊กฟู้ตพยายามเข้ามาที่เต็นท์พักแรมของเขาก่อนที่จะหลบหายไปตามแนวหิน อีกหลายปีต่อมา บาร์นส์ติดต่อกับเมลดรัมที่เชื่อว่าการค้นหาทางอากาศจะช่วยไขปริศนาลึกลับนี้ได้ แล้วก็ได้แนวความคิดตามโครงการนี้ออกมาในที่สุด

ต่างประเทศ มติชน 8 พ.ย. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook