ของเล่นเปิดศึกรับ "ซัมเมอร์" "ยั่วน้ำลาย" เด็กยุคไฮเทค

ของเล่นเปิดศึกรับ "ซัมเมอร์" "ยั่วน้ำลาย" เด็กยุคไฮเทค

ของเล่นเปิดศึกรับ "ซัมเมอร์" "ยั่วน้ำลาย" เด็กยุคไฮเทค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ซัมเมอร์เป็นอีกหน้าขายที่สำคัญของบรรดาสินค้า ทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม ไอศกรีม ชุดว่ายน้ำ รวมถึง "ของเล่น" ซึ่งต้องยอมรับว่าจากกระแสสุดฮอตของ "ตุ๊กตาเฟอร์บี้" ในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นอานิสงส์ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการของเล่นในเมืองไทย และทำให้อุตสาหกรรมของเล่นมีความตื่นตัวมากยิ่งขึ้น

ยิ่งช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ ปิดเทอม ก็ยิ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการของเล่นต่างฉวยจังหวะในการโหมกิจกรรม โดยเฉพาะการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เป็นไฮไลต์เพื่อออกมา "ยั่วน้ำลาย" เด็ก ๆ

จากการสำรวจเชนร้านของเล่นพบว่า ทั้งผู้ประกอบการของเล่นของคนไทยและของเล่นนำเข้า ขณะนี้ต่างทยอยพาเหรด

สินค้าใหม่ออกมากันอย่างคึกคัก อาทิ วันเดอร์เวิร์ลที่เปิดตัว "Wonder Trix Track" ของเล่นไม้ เพื่อพัฒนาสมองเด็กวัยตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป โดยจัดกิจกรรม ณ ลานหน้าแผนกของเล่นเด็ก เซ็นทรัลชิดลม ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และก่อนหน้านี้ "ดีเคเอสเอช" ตัวแทนผู้นำเข้าและจำหน่ายตัวต่อเลโก้ ก็ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นล่าสุดก็คือเลโก้ ชิม่า

รายล่าสุดเป็นคิวของ "นิชิเวิร์ล" ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าของเล่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งร่วมกับ "คิดส์ แพลนเน็ท" ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดตัว "ตุ๊กตา Monster High" นำเข้าจากอเมริกา เสริมพอร์ตสินค้าของบริษัทซึ่งมองไปที่การขยายฐานลูกค้าเด็กโต วัยรุ่น รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบและสะสมตุ๊กตา จากเดิมที่มี "บาร์บี้" ตุ๊กตาของเด็กผู้หญิงเป็นตัวชูโรง นอกจากนี้ ยังมีแผนนำเข้าคอลเล็กชั่นใหม่ของ "รถเหล็กฮอต วิลส์" ออกมาเอาใจเด็กผู้ชายในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

ทำให้ช่วงนี้พื้นที่แผนกของเด็กเล่นในห้าง กลายเป็นสงครามย่อย ๆ ของบรรดาผู้ประกอบการของเล่นที่ต่างงัดกลยุทธ์สินค้าตัวใหม่ กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเข้าไปแย่งชิงจับจองพื้นที่กันแบบไม่กะพริบตา

สอดคล้องกับ "สุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง" กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ระบุว่า ตัวเลขตลาดของเล่นในไทยมีมูลค่าเฉียด 9,000 ล้านบาท ซึ่งรวมกลุ่มของเล่นที่ไม่มีแบรนด์ มีการเติบโตปีละ 10-15% โดยบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าของเล่นในช่วงปิดเทอมนี้ ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์ตลาดที่ค่อนข้างนิ่ง เมื่อเทียบช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปัจจัยทั้งการเมือง น้ำท่วม ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างสะดุด บวกกับปีนี้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ทำให้พื้นที่จัดกิจกรรมตามห้างค่อนข้างเต็ม ความต้องการเช่าพื้นที่มากขึ้น จึงมีการแข่งขันสูงตามไปด้วย

"ภาวะเศรษฐกิจของไทยในเวลานี้ ไม่มีปัจจัยลบ เชื่อว่าธุรกิจจะราบรื่นโตต่อเนื่อง และด้วยค่าแรงที่เพิ่มขึ้น กำลังซื้อของของเล่นน่าจะดีขึ้น" เขากล่าวและว่าดังนั้น สิ้นปีนี้จึงเชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้ถึง 30% ตั้งเป้าสูงกว่าปกติที่เติบโตเฉลี่ย 20-25%

เขาฉายภาพว่า ตลาดของเล่นนั้นไฮไลต์จริง ๆ จะอยู่ในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นหน้าเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ รองลงมาคือไตรมาส 1 ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับช่วงซัมเมอร์ ในส่วนของนิชิเวิร์ล ปัจจุบันยอดขายหลักมาจากไตรมาส 4 ถึง 35% รองลงมาก็คือ ไตรมาส 1 มียอดขาย 30%

ด้วยทิศทางดังกล่าว ส่งผลให้การเปิดตัวแบรนด์และสินค้าใหม่จะให้น้ำหนักไปที่ครึ่งปีหลังเป็นหลัก โดยเตรียมงบฯการตลาดไว้ที่ 30 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะที่ช่วงซัมเมอร์นี้ สำหรับนิชิเวิร์ล ได้เปิดตัวสินค้า "มอนสเตอร์ ไฮ" ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสินค้าไฮไลต์ที่จะมากระตุ้นยอดขายได้ โดยมีจุดเด่นคือ การมีตัวละครกว่า 100 รายการ โดยมีตัวหลัก 10 รายการ อาทิ แดร็กคูลอร่า ลูกสาวของแดร็กคูล่า, แฟรงกี้สไตน์ ลูกสาวของแฟรงเกนสไตล์ และคลอดีนวูฟ ลูกสาวของมนุษย์หมาป่า

"เรามองเห็นโอกาสจากความสำเร็จของตุ๊กตาแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก และยอดขายเติบโตเร็วมาก โดย 2 ปีแรกที่จำหน่ายในประเทศต่าง ๆ มอนสเตอร์ ไฮมียอดขายรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท จากการทดลองขายได้ 2 อาทิตย์ ยอดขายดีมาก หลังจากนี้เราเตรียมงบฯไว้ 5 ล้านบาท ทำกิจกรรมและซื้อคอนเทนต์ฉายในช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก คาดว่าช่วยกระตุ้นยอดขายทั้งปีได้ 2 หมื่นตัว"

ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น นอกจากการมีกลุ่มสินค้าที่เป็น "ไฮไลต์" แล้ว แต่ละค่ายยังต้องมีการปรับกลยุทธ์การตลาด ด้วยการนำสื่อสมัยใหม่ อย่างโซเชียลมีเดีย เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา พฤติกรรมเด็กสมัยนี้หันไปใช้เวลากับของเล่นเทคโนโลยี หรือไอแพดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของเล่นอยู่พอสมควร โดยเริ่มเห็นสัญญาณชัดเจนคือบริษัทของเล่นรายเล็ก ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความลำบากมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ตลาดยังมีช่องว่าง และเปิดกว้างสำหรับสินค้าที่แปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะของเล่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เหมือนกับกระแสคลั่ง "เฟอร์บี้" ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

คีย์ซักเซสวันนี้ จึงอยู่ที่ของเล่นชิ้นไหนจะมี "กิมมิก" ที่สร้างกระแสได้มากกว่ากัน

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook