วิ่งเท้าเปล่า เทรนด์นี้ดีจริง??

วิ่งเท้าเปล่า เทรนด์นี้ดีจริง??

วิ่งเท้าเปล่า เทรนด์นี้ดีจริง??
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผ่านไปแล้วสำหรับคอร์สเบื้องต้นการฝึกวิ่งเท้าเปล่า เทรนด์ล่ามาแรง จากปรมาจารย์ยอดนักวิ่ง อ.โยชิโนะ นายกสมาคมวิ่งเท้าเปล่า ประเทศญี่ปุ่น ที่มาเวิร์กช้อปถึงเมืองไทยเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีครูเบิ้ม-ดร.พิชิต เมืองนาโพธิ์ นักจิตวิทยาการกีฬา ที่หันมาสนใจการวิ่งเท้าเปล่า รับอาสามาเป็นคนแปลให้ผู้ที่มาเวิร์กช้อปในวันนั้นฟัง

งานนี้มีนักวิ่งให้ความสนใจกันมากมาย เพราะวิ่งเท้าเปล่าคือสิ่งใหม่ที่หลายคนยังกังขาว่าดีจริงหรือไม่

เรื่องนี้ อ.โยชิโนะ กล่าวกับทีมข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ว่า การวิ่งเท้าเปล่านั้นคือการทำให้การวิ่งถูกวิธีมากขึ้น พูดง่ายๆ คือเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเท้าอย่างที่ควรจะเป็น ต่างจากการวิ่งใส่รองเท้าที่ห่อหุ้มเท้าทำให้ไม่เป็นอิสระ และออกแบบให้ส้นมาซับแรงกระแทก ทำให้นักวิ่งต้องลงด้วยส้นเท้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดการเจ็บเข่า ในขณะที่วิ่งเท้าเปล่า เป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ร่างกายส่วนต่างๆ ในการรับแรงกระแทก ไม่ว่าจะเป็น ก้น ต้นขา น่อง และ อุ้งเท้า


อ.โยชิโนะ

"การวิ่งเท้าเปล่าเริ่มต้นอาจจะมีบาดเจ็บบ้าง เพราะกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบางส่วนไม่เคยถูกใช้ตอนใช้รองเท้า ทำให้ไม่แข็งแรง แต่เมื่อฝึกจนกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นแข็งแรงก็จะวิ่งได้ดีขึ้น ส่วนมากคนหัดใหม่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ช่วงแรกที่เรียนรู้จะต้องหัดให้ร่างกายคุ้นเคย และต้องไม่หักโหมจนเกินไป"อ.โยชิโนะ กล่าว

อ.โยชิโนะ เล่าว่า การวิ่งเท้าเปล่าเริ่มเป็นที่นิยมเมื่อปีพ.ศ.2553-2554 แต่หลายคนเกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้ความนิยมค่อยๆ ลดลงไป แต่จริงๆ แล้ว ขณะที่ตนเรียนปริญญาโทด้านชีวกลศาสตร์ ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ได้ทำวิจัยให้คนยืนหลับตาด้วยขาข้างเดียวบนพื้นที่มีการเคลื่อนไหว พบว่าคนเท้าเปล่าสามารถรักษาสมดุลร่างกายได้ดีกว่าใส่รองเท้า ก็เลยเริ่มคิดว่าการวิ่งเท้าเปล่าก็น่าจะป้องกันการบาดเจ็บได้อย่างหนึ่งคือเรื่องข้อเท้าพลิก และมาพบว่าการวิ่งเท้าเปล่าทำให้การวิ่งถูกวิธีมากขึ้น เป็นการวิ่งตามธรรมชาติ

อ.โยชิโนะ บอกว่า ความจริงการวิ่งน่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่กลายเป็นเรื่องซับซ้อน เพราะว่าเราชินกับรองเท้า ซึ่งทำให้เท้าไม่อิสระ เคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติ ในขณะที่นักวิ่งเคนย่าไม่ต้องคิดแบบนั้น เพราะโตมากับวิ่งเท้าเปล่า

ปรมาจารย์นักวิ่งเท้าเปล่า ได้เปรียบเทียบคุณภาพนักวิ่งเคนย่ากับนักวิ่งระยะไกลชาวญี่ปุ่นที่กลัวการวิ่งเท้าเปล่าจะทำให้บาดเจ็บแบบขำๆ ว่า สังเกตเวลาเข้าเส้นชัย คนญี่ปุ่นถึงเส้นชัยก็จะล้มตัวลง แต่ชาวเคนย่าวิ่งยิ้มร่าเข้าเส้นชัยชูป้ายชื่อประเทศ ซึ่งความฟิตนี่เองที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่แตกต่าง

อ.โยชิโนะ ยังได้แนะวิธีฝึกเบื้องต้น สำหรับผู้ที่สนใจในวันนั้นด้วย โดยบอกเคล็ดลับการวิ่งว่าต้องพุ่งตัวออกไปข้างหน้าเหมือนลูกโบว์ลิ่ง ซึ่งตรงนี้มีวิธีฝึกง่ายๆ คือ ให้เพื่อนสองคนใช้ผ้าขนหนูจับคนละด้านให้ตึง ให้ผ้าขนหนูวางไว้ระดับสะโพกผู้วิ่ง ระหว่างนั้นให้ผู้วิ่งๆเหยาะๆ เตรียมโน้มตัวไปด้านหน้า จากนั้นเพื่อนที่จับผ้าขนหนูช่วยดันสะโพกผู้วิ่งให้พุ่งไปข้างหน้าเหมือนลูกธนูออกจากแหล่ง คนวิ่งเพียงแต่โน้มตัวไปข้างหน้าและยกขาเท่านั้น โดยอุ้งเท้าจะเป็นทำหน้าที่รับแรงกระแทก หากฝึกบนพื้นปูน ให้ลองฟังเสียง ที่ถูกต้องคือต้องไม่มีเสียงเวลาวิ่ง ยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งโฟกัสไม่ให้มีเสียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม อ.โยชิโนะ ได้เน้นย้ำการฝึกว่าช่วงแรกอย่าหักโหม เพราะอาจบาดเจ็บได้ง่าย ให้ค่อยๆ ฝึกท่าที่ถูกต้อง เพราะหัวใจการวิ่งเท้าเปล่าไม่ใช่ความเร็วหรือระยะทาง แต่เป็นการวิ่งที่ถูกวิธีนั่นเอง

ม.ล.อธิเทพ เกษมสันต์ อายุ 45 ปี สถาปนิกอิสระ ลองหัดวิ่งเท้าเปล่าเพราะเห็นว่าเป็นเทรนด์มาแรง

หนึ่งในผู้มาเวิร์กช้อป ให้สัมภาษณ์ว่า ปกติวิ่งอยู่แล้ว วิ่ง 5-10 กม. ทุกเดือน เริ่มต้นวิ่งด้วยเหตุผลคลาสสิคคือลดความอ้วน พอน้ำหนักลงจริงก็รู้สึกดี พอเห็นว่าวิ่งเท้าเปล่าเป็นเทรนด์ที่มีคนสนใจมาก พอทราบข่าวว่ามีเวิร์กช้อปก็เลยมาลองดู เพราะเท่าที่ติดตามมานักวิ่งที่วิ่งแบบซีเรียสหลายคนก็หันมาสนใจวิ่งเท้าเปล่า

"ไม่เคยวิ่งเท้าเปล่า ก็เลยมาลอง รู้สึกว่าแตกต่างจากวิ่งใส่รองเท้ามาก แต่ก็ยังไม่ได้วิ่งเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ได้ลองเทคนิคที่ถูกต้อง ก็สนุกกว่าที่คิดครับ แต่บนถนนผมก็ยังไม่กล้า แต่หลังจากนี้ก็จะทดลองวิ่งในสนามดู"

ชาญวิทย์ ตรียานุวัฒน์ อายุ 27 ปี พนักงานบริษัทเอกชน หัดวิ่งเท้าเปล่าเพราะเจ็บขา

ชาญวิทย์ เล่าว่า ตอนแรกก็อยากรู้ว่าวิ่งเท้าเปล่าเป็นยังไง ก็เลยมาลองฝึกดู รู้สึกสนุกดี เป็นความรู้สึกใหม่ เพราะตอนใส่รองเท้ามีปัญหาเรื่องเจ็บขา และรองเท้าบีบ หารองเท้าเข้ากับตัวเองไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าการวิ่งเท้าเปล่าจะทำให้เจ็บน้อยกว่า เพราะเหมือนว่าเท้าของเราอิสระกว่า แต่เท่าที่วิ่งก็ยังมีเจ็บอยู่ แต่เข้าใจว่าเท้าก็ต้องปรับสภาพไป เพราะเราคุ้นเคยกับรองเท้า การเคลื่อนไหวจะต่างกัน เพราะรองเท้ามีพื้นคอยรับน้ำหนัก ทำให้วิ่งไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้เวลาวิ่งจะวิ่งลงส้นทำให้เข่ารับน้ำหนักมาก แต่การวิ่งเท้าเปล่าจะใช้หน้าเท้า และอุ้งเท้า ซึ่งต้องฝึกการเคลื่อนไหวใหม่ด้วย เพราะตอนใส่รองเท้าเราเข้าใจว่าต้องกดเท้าลงเพื่อสปินให้เร็วขึ้น แต่วิ่งเท้าเปล่าแค่โน้มตัวไปข้างหน้า แล้วยกขาเท่านั้น

"ก็อยากจะหัดวิ่งไปเรื่อยๆ มาเวิร์กช้อปทำให้เราวิ่งท่าที่ถูกต้อง คงจะสลับวิ่งกับใส่รองเท้า"

วีรยุทธ ประดับพิทยกุล วัย 28 ปี กราฟฟิคดีไซเนอร์ เริ่มวิ่งเท้าเปล่าเพราะหารองเท้าขนาดพอดีเท้าไม่ได้ และเจ็บเข่า

วีรยุทธ บอกว่า เริ่มวิ่งเท้าเปล่ามา 1 ปีแล้ว ที่มาวิ่งเท้าเปล่าเพราะเจ็บเข่า ซึ่งสาเหตุอาจมาจากรองเท้า หรือ วิธีการวิ่งที่ผิด พอดีเจอในเฟซบุ๊ควิ่งตีนเปล่าให้ความรู้เรื่องการวิ่งเท้าเปล่าก็เห็นว่าน่าสนใจดี พอลองฝึกก็รู้สึกว่าวิ่งเท้าเปล่าเป็นอิสระมากกว่า ข้อดีอย่างแรกคือ เท้าไม่สีกับรองเท้าทำให้เท้าไม่พอง สอง พอวิ่งเท้าเปล่ารู้สึกว่าอาการเจ็บตอนใส่รองเท้าวิ่งทุเลาลง ที่สำคัญหารองเท้าไซส์ตัวเองยาก เพราะส่วนมากรองเท้าวิ่งจะผลิตไซส์ฝรั่งที่ส่วนมากหน้าเท้าจะแคบ

"ทุกวันนี้ก็วิ่งที่สวนลุมฯ ก็วิ่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้วิ่งเท้าเปล่ามาราธอนได้แล้ว จริงๆ แทบไม่ต้องคิดอะไรมาก มีคนบอกว่าให้วิ่งเหมือนเรากลับไปเป็นเด็ก มาวันนี้ก็มาเอาความรู้เพิ่มเติมครับ"

ใครสนใจเรื่องวิ่งเท้าเปล่า ลองเข้าไปเลียบๆ เคียงๆ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้จากเฟซบุ๊ค "วิ่งตีนเปล่า" "Bangkok Barefoot Run Club" หรือ กลุ่มรองเท้าหาย Barefoot Running กันได้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook