ม.รังสิตทุ่ม 500 ล.ผุดแคมปัสแห่งที่ 2 โยกวิทยาลัย "นวัตกรรมเกษตร-วิศวะ" ไปนครปฐม

ม.รังสิตทุ่ม 500 ล.ผุดแคมปัสแห่งที่ 2 โยกวิทยาลัย "นวัตกรรมเกษตร-วิศวะ" ไปนครปฐม

ม.รังสิตทุ่ม 500 ล.ผุดแคมปัสแห่งที่ 2 โยกวิทยาลัย "นวัตกรรมเกษตร-วิศวะ" ไปนครปฐม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ม.รังสิตหว่านงบฯ 500 ล้านบาท เตรียมเปิดวิทยาเขตใหม่ที่ จ.นครปฐมอีก 3 ปีข้างหน้า โยก 2 วิทยาลัยด้านวิศวะและเกษตรไปเป็นคณะนำร่อง ลุยแจก 15 ทุนการศึกษาหวังสร้างเกษตรกรอัจฉริยะ พัฒนาการเกษตรไทยให้ดีขึ้น พร้อมตั้งโรงงานต้นแบบผลิตสินค้าออกจำหน่ายในปีนี้

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเตรียมเปิดวิทยาเขตที่ 2 บนพื้นที่ 500 ไร่ใน อ.เมือง จ.นครปฐม ในอีก 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการวางแปลนก่อสร้าง แต่คงเป็นไปในลักษณะสร้างอาคารที่มีความจำเป็นก่อน คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณเบื้องต้น 500 ล้านบาท ซึ่งคงต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยได้พูดคุยกับธนาคารเรียบร้อยแล้ว

"ตอนนี้เราใช้พื้นที่ที่รังสิตเต็มแล้ว จึงต้องขยับขยาย คณะที่จะย้ายไปก่อนคือ วิทยาลัยนวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ที่เปิดสอนในปีการศึกษา 2557 และวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งจะเปิดหลักสูตรใหม่คือเทคโนโลยีบัณฑิต โดยมีหลายสาขา เช่น ซ่อมบำรุงอากาศยาน ยานยนต์ แมคาทรอนิกส์ ถือเป็นการสร้างคนระดับอาชีวศึกษามาสู่ระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ จะเปิดสอนคณะวิทยาศาสตร์, คณะศิลปศาสตร์, คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นคณะที่คนเรียนเกษตรหรือวิศวะต้องมีความรู้ความสามารถด้านเหล่านี้ และในอนาคตอาจมีคณะอื่นย้ายตามไปด้วย ต้องประเมินอีกครั้งหนึ่ง"

ทั้งนี้ ตนมองว่าประเทศขาดแคลนคนด้านการเกษตรและวิศวกรรมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรส่งเสริมคนด้านอาชีวศึกษา เพราะเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน คนที่มีความสามารถระดับนี้ จากหลายประเทศจะเข้ามาแข่งขัน ถึงตอนนั้นหากคนไทยไม่มีทักษะที่มากกว่าก็จะสู้เขาไม่ได้ เนื่องจากภาษาอังกฤษของคนต่างชาติดีกว่าคนไทย ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะการแย่งงานได้

ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการวิทยาลัยนวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ม.รังสิต กล่าวว่า วิทยาลัยประกอบด้วยคณะนวัตกรรมเกษตร, คณะเทคโนโลยีชีวภาพ และคณะเทคโนโลยีอาหาร โดย 2 คณะหลังเป็นคณะที่ ม.รังสิตมีอยู่แล้ว จึงเสริมด้านนวัตกรรมเกษตรเข้ามา ถือเป็นคณะต้นน้ำ และช่วยตอบโจทย์การเรียนการสอนด้านการเกษตรได้อย่างครบวงจร โดยแนวทางของวิทยาลัยมุ่งไปที่ Smart Famer, Smart Technology รวมถึงเน้นให้นักศึกษาได้ปฏิบัติงานจริง ซึ่งกำลังสร้างโรงเรือนสำหรับปลูกผัก อาจอยู่ในพื้นที่ของวิทยาเขตใหม่ที่จะให้นักศึกษาชั้นปี 3-4 ของวิทยาลัยไปเรียนที่ จ.นครปฐม

"ตอนนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ขยับมาทำเรื่องการเกษตร แต่ ม.รังสิตเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกที่ทำด้านนี้อย่างเต็มตัว และ 3 คณะที่เราเปิดสอนล้วนมีความสัมพันธ์กัน เป็นการบูรณาการแบบองค์รวมที่สามารถเรียนรู้ด้วยกันได้ ดังนั้น เด็กที่จบจากเราไปจะมีความรู้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งบางมหาวิทยาลัยก็แยก 3 หลักสูตรนี้ออกจากกันไปเป็นคณะเลย หรือนำไปเป็นสาขาหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์"


ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์

นอกจากนั้น วิทยาลัยยังมีศูนย์วิจัยและบริการวิชาการที่จะสนับสนุนการทำงานของอาจารย์และนักศึกษา โดยมีโรงงานต้นแบบซึ่งกำลังก่อสร้างแล้วเสร็จอีกประมาณ 2 เดือน จะเป็นสถานที่ผลิตสินค้าทางการเกษตร และตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ 1-2 ตัวออกสู่ตลาด ขณะเดียวกัน กำลังวางแผนจะสร้างสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์และอาหารทางการเกษตรในมหาวิทยาลัย เพื่อให้ครบทุกวงจรตั้งแต่กระบวนการปลูก ผลิต และแปรรูปออกมาเป็นสินค้า คาดว่าจะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์แรกภายในปีนี้

"เพื่อจุดกระแสให้เด็กหันมาสนใจด้านการเกษตร เราจะให้ทุนการศึกษากับลูกเกษตรกร 15 ทุน เป็นทุนเต็มจำนวน 10 ทุน และทุนครึ่งจำนวน 5 ทุน เพราะต้องการให้พวกเขาเข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ในการผลิต รวมถึงอยากให้เข้าใจถึงธุรกิจเกษตรในด้านการจัดการธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์กลไกตลาด โดยทั้งหมดนี้เป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาเป็น Smart Famer ได้ในอนาคต" ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ม.รังสิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 295 ไร่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี เปิดสอนระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก รวมถึงมีหลักสูตรออนไลน์และนานาชาติ โดยมีทั้งหมด 10 วิทยาลัย 19 คณะ 3 สถาบัน และมีนักศึกษากว่า 3 หมื่นคน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook