เมื่อนิสิต-นักศึกษา ท้าวัดพลัง ′ชัชชาติ สิทธิพันธุ์′ ใคร ′อ่อนหัด′ ถอยไปก่อน !!!

เมื่อนิสิต-นักศึกษา ท้าวัดพลัง ′ชัชชาติ สิทธิพันธุ์′ ใคร ′อ่อนหัด′ ถอยไปก่อน !!!

เมื่อนิสิต-นักศึกษา ท้าวัดพลัง ′ชัชชาติ สิทธิพันธุ์′ ใคร ′อ่อนหัด′ ถอยไปก่อน !!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดย เชตวัน เตือประโคน

อาจเพราะค่ำคืนนั้น "หนักเกินไป"

เพราะวันศุกร์ สุดสัปดาห์ เป็นประจำธรรมดาของมนุษย์ออฟฟิศผู้คร่ำเคร่งกับงานมาตลอดทั้งอาทิตย์ ต้องให้เวลาตัวเองได้พักผ่อน ได้พบปะเพื่อนสนิทมิตรสหาย สังสรรค์ให้สนุกสนานกันบ้าง

ก็คงจะไม่ผิดอะไร หากว่าเช้าวันต่อมาจะไม่มี "นัด" แต่เช้าตรู่ ชนิดที่ต้องขยี้ตาตื่นแล้วรีบพาตัวเองตรงรี่เข้าหาน้ำเพื่อเรียกความสดชื่น ตื่นได้ แต่ยังสะลึมสะลือ หากแต่เมื่อใจนำ ขาก็ก้าวตาม

แดดยามเช้าแม้ยังอ่อนแรงแต่ก็ต้องหยีหรี่ตาหลบ รถราแม้ยังไม่ออกมาวิ่งบนถนนมากเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกแล้วดูเหมือนทุกอย่างจะวุ่นวายไปหมด

พบตัวเองอีกครั้ง ปรากฏว่าหยุดยืนอยู่ที่ "สถานีรถไฟบางเขน"

ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ขบวนรถไฟสาย 135 (กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี) ยังไม่มา คาดว่าคงอีกสักพัก แต่ในขณะที่รออยู่นั้น หัวสมองก็คิดไปเรื่อยหลากหลายคำถามวิ่งวน คิดคำทักทาย คิดเรื่องการวางไม้วางมือ การแสดงออกทางอวจนภาษาต่างๆ

กับการที่จะได้พบกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้ได้รับฉายาว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"

รถไฟ...กรุงเทพฯ-หนองแซง และกิจกรรม "นักศึกษา" สุดจี๊ด!!!

"ปู๊น...ปู๊น..."

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าเป็นภาษาเขียนทำไมต้องใช้คำนี้ "ปู๊น..."

เพราะถ้าหูไม่เฝื่อนหรือใกล้สูญสิ้นสภาพการได้ยิน ยืนยันได้ว่าช่วงที่รถไฟจะเทียบชานชาลาสถานีรถไฟบางเขน เสียงสัญญาณไม่ได้ดังอย่างนี้ แต่จะมีเวลาสงสัยอะไร เมื่อรถไฟใช้เวลาเทียบชานชาลาไม่นาน ดังนั้น ต้องรีบหอบหิ้วสัมภาระกระโดดขึ้นทันที

กิจกรรม "Train with ชัชชาติ" ซึ่งกลุ่ม "สภาหน้าโดม" ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่ม "นิวคัลเจอร์" จัดขึ้นครั้งนี้ นัดแนะกันเรียบร้อยแล้วด้วยการเหมา 1 โบกี้หัวขบวน ดังนั้น เมื่อปีนขึ้นรถไฟแล้วจึงได้พบกับบรรดานิสิต-นักศึกษา คนหนุ่ม-คนสาวหน้าใสกว่า 50 คน อัดแน่นอยู่เต็มโบกี้ ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าว ครึกครื้น

ขณะที่ รมว.ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เป็นกันเองอย่างยิ่ง เขาเดินทักทายคนนั้นที คนนี้ทีอย่างเป็นกันเอง ทำให้นิสิต-นักศึกษารู้สึกใกล้ชิด จากเพียงแค่ขอถ่ายรูปคู่เขินๆ ในตอนแรกๆ บางคนถึงขั้นยกระดับ ขอ "งัดข้อ" เพื่อวัดพลังความแข็งแกร่ง ดูสิว่าสมคำร่ำลือหรือไม่

แน่นอน- นักศึกษาแพ้

เกี่ยวกับกิจกรรม "Train with ชัชชาติ" เท่าที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ปราบ เลาหโรจนะพันธ์ เลขาธิการกลุ่มนิวคัลเจอร์ ได้รับคำอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมต้องเป็น "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ?

ปราบ บอกว่า เท่าที่ได้คุยกันในทีม ทำให้ได้บทสรุปว่า ท่ามกลางภาวะการเมืองที่เต็มไปด้วยข้อเสนอเรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือการเว้นวรรคประชาธิปไตย เพื่อให้ได้นักการเมืองที่คิดว่ามีคุณภาพนั้น เรามีความรู้สึกว่า ท่านชัชชาติเป็นเหมือนแรงบันดาลใจสำคัญที่บอกว่า ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจาก "การเมืองในระบบ" ได้

ชายหนุ่มบอกว่า เพราะจากการติดตามฟังเสวนาต่างๆ ตั้งแต่ท่านเป็นรัฐมนตรีใหม่ๆ ก็ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่ต่างจากคนทั่วไป คือ วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองไทย วิพากษ์วิจารณ์การคอร์รัปชั่นต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านแตกต่างคือ "การเชื่อมั่นการเมืองในระบบ" จนตัดสินใจ ลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลง

"ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นก็มีความยั่งยืน และมีความชอบธรรมเต็มที่ 100% ด้วย ท่านได้ชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เพราะว่านอกจากจะสามารถเปลี่ยนแปลงกระทรวงคมนาคมที่ดูแลได้แล้ว ยังเป็นผู้มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ เพราะเป็นรัฐมนตรี ที่อยู่ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" ปราบ กล่าว

ได้ยินคำว่า "การเมืองในระบบ" จากปากของชายหนุ่มหลายครั้ง

ถามเขาว่าทำไมถึงย้ำคำนี้ ขณะที่เวที "มวลมหาประชาชน" เพียรตามหา "คนดี - คนกลาง -คนมีคุณภาพ"

ปราบตอบทันทีว่า การแข่งขันในนโยบายโดยหวังเอาชนะใจประชาชนตามกติกา ไม่เอาชนะกันนอกกติกา ซึ่งถ้าอยู่ในระบบแบบนี้ เราจะมีคนทำงานแบบท่านชัชชาติกล้าเข้ามา และก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเกิดว่าสู้กันเพื่อประชาธิปไตยแล้วไม่เอาการแข่งชันเชิงนโยบาย ไม่เอาตามระบบ หาทางลัดมาเพื่อที่จะชนะกัน ในนามการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งมองว่าเป็นการเว้นวรรค หรือล้มประชาธิปไตยนั้น จะไม่มีคนแบบท่านชัชชาติกล้าเข้ามา

"คนทำงาน นักปฏิบัติต่างๆ จะไม่กล้าเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ตราบใดก็ตามที่การเมืองในระบบไม่มีความมั่นคงแบบนี้"

เป็นเสียงยืนยันจากคนจัดกิจกรรมสุดจี๊ด

ทัวร์ที่พวกเขาได้เชิญให้ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" เป็นผู้นำทีม

วัดพลังกับ "ชัชชาติ" ปั่นจักรยาน ดำนา ตอบทุกคำถาม "ความเร็วสูง"

"ปู๊น...ปู๊น..."

รถไฟเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟหนองแซง อ.หนองแซง จ.สระบุรี

นิสิต-นักศึกษา ช่วยกันคนละไม้คนมือขนข้าวขนของลงไปกองไว้ข้างล่าง ขณะที่ชัชชาติถือโอกาสนี้เข้าไปพูดคุยกับข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ รวมถึงพูดคุยกับ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ที่มารอต้อนรับ

และเมื่อทุกคนเข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จสรรพ พร้อมออกเดินทางแล้ว ชัชชาติก็สะบัดธงเริ่มสัญญาณทัวร์

จุดแรกก็คือบริเวณตลาดเช้ารอบสถานีรถไฟหนองแซงนั่นเอง ก่อนที่จะต่อด้วยการปั่นจักรยานมุ่งหน้า "คลีนฟาร์ม"

จักรยานสีแดงคันที่ชัชชาติใช้นั้น ตั้งข้อสังเกตว่าคล้ายกับที่ใช้ปั่นไป "เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์" เป็นอย่างมาก

แต่คงไม่มีเวลาขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยนาน เพราะเมื่อคว้าจักรยานได้ ชัชชาติก็ปั่นออกไปทันที นิสิต-นักศึกษาก็รีบปั่นตาม ซึ่งแรกๆ ก็เกาะกลุ่มเป็นขบวนสวยงามดีอยู่ แต่เมื่อผ่านกิโลเมตรที่ 2, 3, 4....เริ่มกระจายกันไปเป็นหย่อมๆ บ้างถอดใจ ยอมแพ้ระหว่างทางไปเลยก็มีเหมือนกัน

มาทราบภายหลังว่า ระยะทางจาก "สถานีรถไฟหนองแซง" ถึง "คลีนฟาร์ม" ที่ปั่นจักรยานไปเยือนนั้น 7 กิโลเมตร

ถ้าไม่แข็งแกร่งจริง ปั่นจักรยานเกาะกลุ่มไปกับชัชชาติไม่ได้แน่

จากนั้นก็เริ่มทัวร์คลีนฟาร์ม เรียนรู้เรื่องการปลูกพืชไม่ใช้สารเคมีและแบบยกพื้นสูง แบบกางมุ้ง เพื่อป้องกันโรคแมลง ต่อด้วยเรื่องเกษตรพอเพียงของบ้าน "ป้าหม้อ" เกษตรกรเลื่องชื่อแห่ง อ.หนองแซง พอหอมปากหอมคอแล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวันที่ "บ้านไร่กาแฟ"

อิ่มท้องแล้วก็ถึงนาทีระทึก เพราะรายการต่อไปคือการเสวนาในหัวข้อ "รถไฟความเร็วสูงกับชัชชาติ"

ผู้จัดงานออกตัวตั้งแต่ก่อนเริ่มกิจกรรมว่า ขอทำตัวเป็นฝ่ายค้าน เป็น ผู้ชุมนุม กปปส. สลับสับเปลี่ยนกันถามเพื่อให้ชัชชาติช่วยตอบ ซึ่งไม่มีการเตรียมกันมาก่อน ใครอยากถามอะไร สงสัย อยากรู้อะไร เชิญ!!!

จากนั้นสารพัดคำถาม จากนักศึกษาหลากหลายคณะ หลายสถาบัน ก็ถูกระดมใส่ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"

ในฐานะคนหนึ่งที่ได้แต่นั่งฟัง ให้รู้สึก "เหมาหมัด" แทน

แต่กระนั้น ชัชชาติ ก็บอกพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่เวทีเสวนาสิ้นสุดว่า "ไม่เหนื่อยที่จะตอบ มีคนถาม แสดงว่าเราอธิบายไม่ดีพอ เป็นสิทธิของเขาเลยที่จะถาม เราต้องตอบ ชี้แจงให้มากที่สุด และต้องกระตุ้นให้เขาหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ตัวเองให้ได้ด้วย"

เหตุที่ตกปากรับคำเชิญกลุ่มนิสิต-นักศึกษา มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ชัชชาติ อธิบายว่า เป็นกิจกรรมนั้นน่าสนใจ อีกทั้ง นิสิต-นักศึกษาที่มาล้วนเป็นอนาคตของประเทศ ยิ่งในการเสนาเนื่องจากมีนักศึกษามาจากหลายคณะ หลายมหาวิทยาลัย ทำให้ได้พูดคุยกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเรื่องวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม การเงิน กฎหมาย การแพทย์ ฯลฯ

"เด็กกลุ่มนี้คือนาคตของประเทศ คือผู้ที่มีส่วนสำคัญต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เขาอยากรู้อะไรถามมา เราก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไปหาคำตอบให้

"การลงพื้นที่อย่างนี้เป็นบทเรียนที่ห้องเรียนไม่มี จะทำให้เขาเห็นปัญหา และรู้จักคิดในเชิงวิเคราะห์ได้ดีขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาสังคมไทยต้องไปทางนี้ ไม่ใช่ใช้อารมณ์"

เกี่ยวกับการเสวนาที่เชื่อมโยงไปถึงเรื่อง "2 ล้านล้าน" นั้น คำถามที่ชัชชาติบอกว่า เจอบ่อยที่สุดคือเรื่อง "คอร์รัปชั่น?"

ชัชชาติ บอกว่า ปัญหาเรื่องความมั่นใจในระบบของเราในเรื่องนี้ต้องรีบแก้ไข ไม่อย่างนั้นแล้ว โครงการต่างๆ จะเกิดขึ้นลำบาก เวลาจะดำเนินโครงการแต่ละทีก็จะติดขัดไปหมด คนจะไม่มั่นใจเรื่องความโปร่งใส คิดแต่ว่าจะมีการโกงเกิดขึ้น

"แต่ผมว่าตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว เราคิดวางระบบไว้แล้ว ซึ่งแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ ระบบวางมานานแล้ว มีการตรวจสอบเข้มแข็ง แต่ความรู้สึกของคนยังติดอยู่ตรงนี้ ต้องสร้างความมั่นใจต่อไป" เจ้าของฉายา "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ย้ำหนักแน่น

จากนั้นขอตัวไปเปลี่ยนชุด สำหรับการ "ดำนา" ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อไป

ครู่หนึ่ง ชัชชาติ ในยูนิฟอร์มคุ้นตา- เสื้อยืดแขนกุดสีดำ กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ ก็ปรากฏกาย ก้าวลงท้องนาที่น้ำเจิ่งนอง ร่วมดำนากับนิสิต-นักศึกษา อย่างสนุกสนาน

เสียงสะท้อนนักศึกษา ปี 1 ความในใจเมื่อได้เจอ รมต. เป็น กันเอ๊ง...กันเอง

เด็กหนุ่มใส่แว่นหนา ขออนุญาตนั่งร่วมวงอาหารกลางวันด้วยตามมารยาท

ถือโอกาสนี้สอบถาม เรื่องกิจกรรมที่เขาตัดสินใจเข้าร่วม ด้วยเหตุผลเพราะ 1.เขาเพิ่งจะศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ถือเป็น "น้องเล็ก" และ 2.เขาเป็นเด็กจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ท่ามกลางนักศึกษาส่วนใหญ่จาก ม.ธรรมศาสตร์

ไม่เป็นปัญหา สำหรับคนที่ชื่นชอบชัชชาติ อย่าง อลงกรณ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะนวัตกรรม มศว ประสานมิตร

เด็กหนุ่ม บอกว่า ที่ตัดสินใจร่วมกิจกรรมนี้ เพราะชื่นชอบการทำงานของท่านชัชชาติ ติดตามการทำงานมาตลอด ชอบสไตล์การทำงานที่รุกเข้าหา จะไปไหนไม่บอกก่อน ไปแบบคนธรรมดา นั่งรถเมล์ ขึ้นรถไฟ ท่านไปสัมผัสปัญหาด้วยตัวเอง แล้วนำปัญหานับกลับมาแก้ไข อัพเดตให้คนรับรู้อย่างเป็นกันเองว่า แต่ละวันทำอะไรบ้าง เหมือนเรื่องที่ทำในชีวิตประจำวัน มีมุขตลกด้วย อย่างเจ้าหลง เป็นต้น

"การทำงานแบบนี้ไม่เหมือนนักการเมือง แต่เป็นคนคนหนึ่งที่ทำงานในตำแหน่งใหญ่ แต่จากการเอาจริงเอาจังของท่าน ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ข้าราชการ ต้องเอาจริงเอาจังด้วย"

อลงกรณ์ เริ่มเป็นหนึ่งในสมาชิกแฟนเพจ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" เมื่อครั้งที่ท่านโพสต์รูปการขึ้นรถทัวร์สายหนึ่ง และบ่นเรื่องการเปิดเพลงเสียงดัง เขาทึ่งที่ได้รู้ว่ามี รัฐมนตรีขึ้นรถทัวร์เพื่อมารับทราบปัญหาอย่างนี้

"บุคลิกท่าทางอย่างท่าน ลุยอย่างนี้ ถ้านั่งข้างๆ ผมบนรถทัวร์ ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นรัฐมนตรี" ชายหนุ่ม กล่าวจบก็หัวเราะเสียงดัง

และนี่เป็นครั้งแรกของเขา ที่มีโอกาสได้เจอ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"

"เจอจริงๆ แล้วเรียกว่าดีกว่าที่คิด" อลงกรณ์ บอก และอธิบายว่า "ผมได้เจอท่านที่หัวลำโพง แรกๆ ก็เกร็งๆ แต่พอได้เริ่มคุยแล้ว พบว่าท่านเป็นกันเองมาก ยิ่งได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่า ท่านเป็นอาจารย์คนหนึ่งที่เอ็นดูลูกศิษย์ ไม่ได้ถือตัวว่าเป็นรัฐมนตรีแต่อย่างใด ไม่ต้องมีการ์ดมาคอยล้อมหน้าล้อมหลัง ชาวบ้าน คนทั่วไปสามารถสัมผัสท่านได้"

และเมื่อให้พูดถึงกิจกรรมที่ได้ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ และคุณปการของคนชื่อ "ชัชชาติ" อลงกรณ์ บอกชัดเป็นข้อๆ

1.ด้วยบุคลิกของท่านชัชชาติ ทำให้ช่องว่างระหว่างนักการเมืองกับประชาชนลดลง ทำให้คนกล้าเข้าคุยกับนักการเมือง กล้าแสดงความคิดเห็น อย่างในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นการการสื่อสาร 2 ทางก็เป็นอีกพื้นที่พูดคุยหนึ่ง

2.ทำให้ "นิวเจน" หรือ คนรุ่นใหม่ซึ่งไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง ได้มาสนใจมากขึ้น เพราะความเป็นกันเองของท่าน อีกทั้ง การลงพื้นที่ดูงานเอง ร่วมแก้ปัญหาเอง ทำให้คนมองภาพนักการเมืองเปลี่ยนไปอาจเพราะวันนั้นทั้งวันใช้พลัง "มากเกินไป"

ร่างกายที่ปกติไม่ค่อยล้มป่วยง่ายๆ กลับต้องมาเจอพิษไข้เข้ารุมเร้า อุณหภูมิกายเริ่มสูง ครั่นเนื้อครั่นตัวหน้ามัวหน้ามืด จากนั้นก็เริ่มไอ ไอ และไอไม่หยุด จนต้องหันไปพึ่งยาหมอตี๋

นี่แค่เฝ้าสังเกตการณ์กิจกรรมในครั้งนี้เท่านั้น

ไม่รู้ว่าผู้ "ท้าวัดพลัง" อย่าง นิสิต-นักศึกษา กลุ่มดังกล่าวตอนนี้จะยัง "แข็งแกร่ง" อยู่ไหม หลังจากได้เผชิญหน้ากับ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ?

ที่มา นสพ.มติชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook