คำนี้ท่านได้แต่ใดมา : Japan

คำนี้ท่านได้แต่ใดมา : Japan

คำนี้ท่านได้แต่ใดมา : Japan
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ คำนี้ท่านได้แต่ใดมา
ผู้เขียน สุกิจ กิตติบุญญานนท์ (I Get English Magazine)

Japan

ช่วงที่ผ่านมานี้เราคงเห็นเพื่อนฝูงของเราไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันบ่อยครั้งขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าแล้ว ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมเทคโนโลยี และถือเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วเพียงไม่กี่ชาติในเอเชีย

หลายท่านคงทราบกันดีครับว่า "ญี่ปุ่น" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Japan" นั้น คนญี่ปุ่นเองไม่ได้เรียกประเทศ

ตัวเองว่า "Japan" แต่กลับเรียกว่า "Nippon" หรือ "Nihon" แต่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าทั้ง 3 คำที่กล่าวมานี้ มีที่มาจากคำคำเดียวกันทั้งหมดครับ

แต่ก่อนที่จะทราบกันว่า "Japan" นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรนั้นท่านผู้อ่านอาจจะต้องรวบรวมสติสักนิดครับ เนื่องจากว่าเรื่องราวของ "Japan" นั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากภาษาจีน ที่อ่านแล้วอาจสร้างความมึนงงให้กับเราได้ในระดับหนึ่งครับ

ในช่วง ค.ศ. 670 นักการศึกษาชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งที่มีความสนใจในภาษาจีน ได้อยากลองและพยายามตั้งชื่อประเทศของตนโดยใช้อักษรจีนที่ตนเองศึกษามาดู และเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน จึงตั้งชื่อประเทศญี่ปุ่นในแบบฉบับภาษาจีนที่สามารถอ่านได้ว่า "nzyet-pwun" (ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจครับว่าจะอ่านออกเสียงอย่างไร) ซึ่งมีความหมายว่า "จุดเริ่มต้นแห่งดวงอาทิตย์" หรือ "ดินแดนอาทิตย์อุทัย" นอกจากนี้ นักการศึกษาชาวญี่ปุ่นยังเพิ่มคำว่า "kwuk" ที่มีความหมายว่า "ประเทศ" ปิดท้ายลงไปด้วย จึงรวมคำได้ว่า "nzyet-pwun-kwuk" ซึ่งแปลว่า "ประเทศแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย" นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำคำนี้ถูกเสนอให้คนญี่ปุ่นได้ลองพยายามอ่านออกเสียงดู คนญี่ปุ่นเองกลับไม่สามารถออกเสียงของคำว่า"nzyet-pwun-kwuk" ได้ ดังนั้นแล้วเพื่อให้คำที่อ่านออกเสียงยากๆ อย่าง "nzyet-pwunkwuk"ถูกคอและคล่องลิ้นคนญี่ปุ่นง่ายขึ้น คำจึงหดสั้นลดเหลือแค่เพียง "Ni-hon-gu" หรือ"Ni-pon-gu" เท่านั้น (หรือที่ปัจจุบันคนญี่ปุ่นเรียกประเทศตัวเองว่า "Nippon" หรือ "Nihon"ครับ)

มาถึงตอนนี้เราจะขอกลับไปที่ประเทศจีนครับ ชาวจีนในยุคนั้นเองก็เรียกชื่อประเทศญี่ปุ่นตามที่นักการศึกษาชาวญี่ปุ่นท่านนั้นได้ตั้งชื่อไว้ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป การออกเสียงของชาวจีนก็ไม่ได้เรียกชื่อประเทศญี่ปุ่นว่า "nzyet-pwun-kwuk" เพราะมีหลักฐานจากบันทึกของพ่อค้าเดินเรือชื่อก้องโลกชาวอิตาลีอย่างมาร์โค โปโล (Marco Polo) ที่ได้กล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น (แม้ว่า Marco Poloจะไม่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นก็ตาม) โดยใช้คำเรียกว่า"Chipangu" ดังนั้นจึงเชื่อว่าชาวจีนเองก็คงอ่านออกเสียงประเทศญี่ปุ่นที่ใกล้เคียงกับ"Chipangu" แบบที่มาร์โค โปโลได้บันทึกไว้เนื่องจากชาวจีนมีสายเลือดการเป็นพ่อค้าและมีการเดินทางติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านตลอดเวลา การเดินทางไปทั่วทวีปอาจทำให้ผู้คนในท้องถิ่นอื่นมีการหยิบยืมภาษาของพ่อค้าชาวจีนมาใช้ด้วย ภาษามาเลย์เองจึงได้ยืมภาษาจีนที่เรียกประเทศญี่ปุ่นว่า"Chipangu"มาใช้ด้วยเช่นกันครับ


ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อโลกของเรามีการทำมาค้าขายข้ามทวีปผ่านการเดินเรือ พ่อค้าชาวโปรตุเกสก็ได้เดินทางมาทำการค้าขายที่ทวีปเอเชียเช่นกัน โดยหนึ่งในอาณาบริเวณที่ชาวโปรตุเกสทำการค้าขายด้วยนั้นคงหนีไม่พ้นหมู่เกาะที่มีเครื่องเทศอุดมสมบูรณ์อย่างหมู่เกาะ Moluccas(หรืออาจเรียกอีกชื่อว่าเกาะ Maluku ซึ่งปัจจุบันเป็นดินแดนของประเทศอินโดนีเซีย) ชาวโปรตุเกสจึงอาจได้รับการถ่ายทอดคำว่า "Chipangu"จากผู้คนท้องถิ่นบนเกาะ Moluccas มาด้วย

ชาวโปรตุเกสจึงถือเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มีการใช้คำว่า "Chipangu" และได้นำคำนี้กลับไปยังยุโรป จนเมื่อคำนี้ได้ผสมลงตัวในฝากของภาษาตะวันตกแล้ว จึงถูกบันทึกไว้ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1577 ว่า "Giapan" จนคำได้
ผุกร่อนและเป็นที่มาของคำที่เรารู้จักกันในปัจจุบันว่า "Japan" ครับ

นอกจาก "Chipangu" จะเป็นที่มาของคำว่า "Giapan" และเพี้ยนมาเป็น "Japan" ในภาษาอังกฤษปัจจุบันแล้ว คำว่า "Chipangu" นี้เอง ยังเป็นที่มาของคำว่าประเทศญี่ปุ่นในภาษาจีนกลางในปัจจุบันด้วยครับ นั่นคือคำว่า "Ri-ben-guo"
(ผู้เรียนภาษาจีนกลางคงจะคุ้นกับคำนี้แล้วคือ"รื่อเป่นกั๋ว" ครับ)


เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ครับว่า แล้วภาษาไทยของเรา ได้คำว่า "ญี่ปุ่น" มาจากไหนกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook