"ปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ" ลูกสาว "แหวน-ฐิติมา" "เบื้องหลังความสวยงาม คือความเหนื่อยยาก"

"ปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ" ลูกสาว "แหวน-ฐิติมา" "เบื้องหลังความสวยงาม คือความเหนื่อยยาก"

"ปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ" ลูกสาว "แหวน-ฐิติมา" "เบื้องหลังความสวยงาม คือความเหนื่อยยาก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กมลทิพย์ อัศวเมธีสกุล:เรื่อง

เป็นถึงลูกสาวคุณแม่ขาร็อกสุดเท่ "แหวน-ฐิติมา สุตสุนทร" แต่ "ปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ" สาวน้อยตัวสูงหุ่นดีแห่ง Frontage Music Label กลับเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำว่า แทบจะไม่มีส่วนไหนเหมือนคุณแม่เลย

"หนูคล้ายคุณพ่อมาก ๆ ในเรื่องของวิธีคิด การกระทำ การตัดสินใจหลายอย่าง บางทีคุณแม่ยังบอกว่า เหมือนคุณพ่ออีกแล้วนะ (หัวเราะ) ส่วนคุณแม่นอกจากความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันแล้ว ยังมีแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราชอบเหมือนกันค่ะ อย่างเช่น ชอบอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน ชอบช็อปปิ้งเหมือนกัน แต่สไตล์ก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ คุณแม่จะออกเท่ ๆ ร็อก ๆ มีมาดดี เหมือนอย่างที่ทุกคนเห็น ส่วนหนูจะแนวหวานมากเลยค่ะ ชอบอะไรที่เป็นผู้หญิงมาก ๆ แต่พอมาร้องเพลงที่เป็นแนวแดนซ์ พี่ทีมงานก็บอกให้ปรับนิดหน่อยเพื่อจะได้ดูแข็งแรง แมนขึ้นอีกนิด ถึงจะเหมาะกับแนวเพลงของเราค่ะ"


ถึงจะมีสไตล์ที่ต่างกัน แต่คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นความเป็นแพ็กคู่ของแม่ลูกคู่นี้อยู่เสมอ เรียกว่าเห็นปันปันที่ไหน ต้องเห็นแม่แหวนที่นั่น ปันปันเล่าว่า ในช่วงแรกเธอก็มีความกลัวเรื่องความคาดหวังจากคนอื่น แต่เธอก็โชคดีที่ความเป็นจริงผู้คนเห็นถึงความน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ความเป็นคู่หูของทั้งคู่มากกว่าที่จะมองเห็นภาพของเธอจะเด่นหรือดังเท่าแม่ได้หรือไม่

ตั้งแต่เล็กเด็กหญิงปันปันมีแม่คอยสนับสนุนในทุกเรื่อง ด้วยความเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ๆ ปันปันจึงมักขอพ่อ-แม่ทำกิจกรรมอยู่เนือง ๆ แม่แหวนก็จะเป็นผู้สนับสนุนในทุก ๆ ด้าน จนทำให้ช่วงวัยหนึ่งของปันปัน เธอคือนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทย

"หนูเป็นคนชอบดูหนัง ดูการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก ช่วงประมาณ 6 ขวบหนูก็เห็นความสวยงามของบัลเลต์ เลยขอคุณแม่ไปเรียน พอเรียนไปได้สักปีก็เห็นพี่ตาล-ภัทรา สาริกบุตร ซึ่งเป็นรุ่นพี่ เขาเต้นบัลเลต์เก่งมาก ตีลังกาได้ด้วย เขาเป็นนักกีฬายิมนาสติก จากจุดนั้นเลยกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หนูอยากเรียนยิมนาสติก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องที่จะเป็นนักกีฬานะคะ แค่มีความคิดที่จะตีลังกาได้ เต้นบัลเลต์ได้สวย ๆ"

เมื่อได้รับอนุญาตจากทางบ้าน เด็กหญิงปันปันในวัย 7 ปีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ได้ฉายพรสวรรค์ของตนออกมา ถึงอย่างนั้นความตั้งใจของปันปันก็เกือบสะดุดลงกลางคัน ทุกอย่างไม่ได้สวยหรูดังที่คิด เมื่อการเรียนยิมนาสติกคือกิจกรรมที่ปันปันถึงกับโอดครวญว่านี่คือเรื่องหนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิต

"การเป็นนักกีฬายิมนาสติกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เบื้องหลังความสวยงาม คือความเหนื่อยยากมาก ๆ เราต้องซ้อมในโรงยิมร้อน ๆ ไม่มีแอร์ เดิมทีหนูเป็นคนไม่ค่อยมีความอดทน ก็เลยขอคุณแม่เลิกเรียน แต่คุณแม่เห็นว่าเรามีแววดี ท่านเลยให้กำลังใจและผลักดันอยู่ข้าง ๆ หนูมาตลอด หนูเริ่มเรียนจากความสนใจก็จริง แต่ในช่วงที่ได้มีโอกาสมาเก็บตัวเป็นนักกีฬา นั่นเป็นเรื่องที่เหนือไปกว่าความชอบส่วนตัวแล้ว เราต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบมากกว่านั้น หนูก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเอง จนกระทั่งได้มีโมเมนต์ที่สำคัญของชีวิตนั่นคือ การได้ใส่ชุดวอร์มทีมชาติ ซึ่งมีธงชาติไทยติดอยู่ที่แขนเสื้อ ภาคภูมิใจอย่างที่สุด หายเหนื่อยเลยค่ะ"

ด้วยรูปลักษณ์ บุคลิก และอะไรที่ลงตัวหลายอย่างในชีวิต เมื่อมีโอกาสเหมาะปันปันจึงได้ผันตัวเองจากนักกีฬาทีมชาติสู่วงการบันเทิง ช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้เด็กสาวกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว

"การเป็นนักกีฬาต้องฝึกเรื่องความอดทน ความมีระเบียบ ความรับผิดชอบส่วนตัว แต่การทำงานในวงการบันเทิงทำให้หนูได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ ทั้งยังต้องร่วมงานกับคนอื่นอีกมากมาย หนูเชื่อว่าการประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงต้องมีมากกว่าคำว่าเก่ง คือยังต้องมีโอกาส มีดวงรวมไปถึงความชอบของคนอื่น ๆ ที่มีต่อตัวเราด้วยค่ะ การไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในวงการต่างจากการเป็นนักกีฬา เพราะนักกีฬาหากเราขยันฝึกฝนจนเก่ง ผลที่ได้ก็จะดีตามมา แต่สำหรับวงการบันเทิง คนที่เก่งมาก ๆ อาจจะไม่ใช่คนที่ดังที่สุดก็ได้ คุณแม่เคยสอนหนูว่า เรามาทำงานนี้เพราะใจรักใช่ไหมถ้าใช่ การมีโอกาสได้ทำ และเราทำอย่างเต็มที่ที่สุดก็โอเคแล้ว ไม่ต้องไปคาดหวังผลลัพธ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้" ปันปันกล่าวว่า คนทั่วไปมักมองเธอเป็นคุณหนู เป็นเซเลบในแวดวงสังคม

อาจเพราะด้วยหน้าตาและบุคลิกภายนอกจึงทำให้เป็นเช่นนั้น แต่สำหรับตัวตนจริง ๆ เธอเล่าว่า เธอเป็นคนตลก เฮฮา พูดเก่ง มีมุมเพี้ยน ๆ ของตนเอง แต่เมื่อ

ยามออกงานสังคม ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นงานที่มีผู้ใหญ่ร่วมด้วย เธอจึงต้องวางตัวให้เหมาะกับกาลเทศะ และการออกงานสังคมก็ถี่ยิ่งขึ้นเมื่อเธอเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

ผลงานในวงการบันเทิงที่ผ่านมาของปันปัน เต็มฟ้ามีทั้งถ่ายแบบ งานละคร งานเพลง ล่าสุดปันปันได้มีส่วนร่วมในการออกไอเดียท่าเต้นในซิงเกิลเพลง

"ซักกะนิด" ของตนเองอีกด้วยแม้มีผลงานมากมายเช่นนี้ แต่เรื่องการเรียนปันปันก็ไม่เคยทิ้ง ปันปันบอกว่าเธอยึดเรื่องการเรียนเป็นหลัก ความที่เป็นคนเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอมีโอกาสในการเลือกเรียนในสาขาที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น คนส่วนใหญ่มักเลือกเรียนตามสาขาอาชีพที่ตนเองสนใจ แต่ปันปันเลือกที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่สามารถเติมเต็มให้กับตนเอง

"เมื่อก่อนหนูไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจ เศรษฐกิจอะไรเลย ดูโทรทัศน์แล้วมีเรื่องตัวเลขมาก็จะรีบเปลี่ยนช่องหนีทันที พอจะเข้ามหาวิทยาลัย หนูก็ใฝ่ฝันที่จะเรียนอักษรศาสตร์ กระทั่งได้มีโอกาสคุยกับคุณพ่อของเพื่อน ซึ่งท่านเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ท่านก็แนะนำให้หนูเรียนเศรษฐศาสตร์ โดยท่านแนะนำว่าแม้สาขานี้จะไม่ตรงกับตัวหนูเท่ากับอักษรศาสตร์ที่หนูชอบ แต่เราก็สามารถที่จะเรียนรู้ที่จะชอบตัวเลขได้ และจะมีประโยชน์ต่อเราในอนาคตแน่นอน หนูคิดดูแล้วก็เห็นด้วยเพราะการเรียนในสาขานี้หนูไม่สามารถที่จะไปเทกคอร์สเพิ่มเติมในระยะเวลาอันสั้นได้ หนูเองก็ไม่อยากเป็นคนที่เวลาใครพูดอะไรแล้วเราไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง เพราะเราไม่มี

พื้นฐานในเรื่องนั้น ๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองขาดอะไรไปก็ควรเติมให้เต็ม อย่างน้อยก็เป็นพื้นฐานความรู้ในชีวิต ยิ่งตอนนี้ใกล้เข้าสู่ AEC แล้ว เศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ เราจะได้ไม่พลาดโอกาสอะไรดี ๆ ในชีวิตไป ฉะนั้น เมื่อหนูสอบติดคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯแล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่หนูจะสามารถพัฒนาตนเอง"

เมื่อถามถึงอนาคต ปันปันตอบว่าเธออยากเป็นนักบริหารระหว่างประเทศ แต่จะบริหารเรื่องอะไรนั้นคงต้องเป็นเรื่องอนาคตอีกที แต่ในโลกมุมเล็ก ๆ ของสาวน้อยคนนี้ เธอยังอยากมีร้านขนมเป็นของตนเอง แม้จะยังไม่มีเวลาไปเรียนทำอาหารอย่างจริงจัง แต่ก็พยายามฝึกปรือฝีมือจากยูทูบเป็นหลัก หากมีเวลาเธอกล่าวว่าจะต้องไปเรียนเพิ่มเติมอย่างแน่นอน

ขยันใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมรอบด้านขนาดนี้ ขอเอาใจช่วย "ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ" สาวน้อยคนเก่งให้ประสบความสำเร็จสมความตั้งใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook