ชัดเจนนะ! ท้องว่างก็กินกล้วยได้ (ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน)

ชัดเจนนะ! ท้องว่างก็กินกล้วยได้ (ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน)

ชัดเจนนะ! ท้องว่างก็กินกล้วยได้ (ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ต้องบอกว่าข้อมูลหลากหลายมาก สำหรับการกินกล้วยก่อนอาหารหลังอาหาร บางกระแสให้ข้อมูลว่าไม่ควรกินตอนท้องว่างเพราะ เมื่อกินกล้วยเข้าไปจะทำให้ธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อีกหลายเสียงก็บอกว่ากินได้ ไม่มีปัญหา แล้วสรุปกินกล้วยตอนท้องว่างได้ไหม ???

วันนี้เพื่อคลายความสงสัย อาจารย์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อมูลที่หน้าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ข้อความว่า

ท้องว่างก็กินกล้วยได้ (ถ้าไม่ได้เป็นกรดไหลย้อน)

กล้วยอุดมด้วยแม็กนีเซียมก็จริง แต่ถึงกินเข้าไปตอนท้องว่าง มันก็ไม่ได้จะเพิ่มระดับแม็กนีเซียมในเลือดปรู้ดปร้าด อันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจอย่างที่กลัวกัน

แม็กนีเซียมนั้นจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ไม่ใช่ที่กระเพาะ กล้วย 1 ลูกหนักประมาณ 100 กรัม มีแม็กนีเซียม 43 มิลลิกรัมและดูดซึมเพียง 30% หรือประมาณ 12.3 มิลลิกรัม ขณะที่ระดับแม็กนีเซียมสูงสุดที่ร่างกายไม่ควรได้เกิน คือ 700 มิลลิกรัมต่อวัน ... แปลว่า ต้องกินกล้วยมากถึง 55 ลูก !! จึงจะเป็นปัญหาได้

บางคนอ้างต่อถึงโปแตสเซียมในกล้วยที่มีอยู่สูง (นักกีฬาจึงนิยมกินกล้วย เพื่อเสริมเกลือแร่ระหว่างแข่งขัน) ว่าจะเป็นปัญหาต่อหัวใจเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ใช่อีก เพราะไตสามารถขับเกลือแร่ต่างๆ ส่วนเกิน อย่างเช่น โปแตสเซียมได้มากถึง 30,000 มิลลิกรัมต่อวัน

แต่จากการที่กล้วยมีน้ำตาลสูง ทำให้เมื่อกินเข้าไปแล้ว กระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก และอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ในบางคน

สรุปว่า คนปกติทั่วไป สามารถกินกล้วยได้เวลาท้องว่าง ไม่เป็นปัญหาอะไร ... แค่แนะนำให้ค่อยๆเคี้ยว อย่าอมกลืนไปทั้งลูก เดี๋ยวติดคอตาย

เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันนะ เพื่อนๆ คนไหนจะกินตอนท้องว่างก็กินได้สบายมาก  ^^

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook