5 Check List ที่ต้องคิดก่อนเข้ามหาลัย

5 Check List ที่ต้องคิดก่อนเข้ามหาลัย

5 Check List ที่ต้องคิดก่อนเข้ามหาลัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตอนนี้น้อง ม.6 หลายคนอาจยังสับสนอยู่ว่าจะเลือกเรียนมหาวิทยาลัยอะไรดี บางคนอาจเลือกตามเพื่อน บางคนอาจเลือกจากชื่อเสียงมหาวิทยาลัย แต่ไม่ว่าจะเลือกเพราะอะไรหรือมีเหตุผลแบบไหนก็คงไม่ผิด แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสทางความคิด

เพราะยุคสมัยนี้มันต้องคิดให้ได้ทั้งแบบสร้างสรรค์และคิดได้แบบเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่เรียนแล้วได้ความรู้แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อในอนาคต เพราะฉะนั้นไปดูกันว่าเรื่องไหนที่ต้องคิดกันสักนิดก่อนจะเลือกมหาวิทยาลัย

5 Check List ที่ต้องคิดก่อนเข้ามหาลัย5 Check List ที่ต้องคิดก่อนเข้ามหาลัย


1. เลือกคณะจากสิ่งที่เราชอบ

เริ่มจากการลองสำรวจความสนใจของตัวเองก่อน ว่าชอบทำอะไร ทำสิ่งไหนแล้วมีความสุข เช่น ถ้าชอบในเรื่องของศิลปะ ก็อาจจะเป็นคณะศิลปกรรม หรือคณะนิเทศศาสตร์ หรือถ้าเป็นคนชอบการคำนวณชอบในเรื่องของตัวเลข ก็หนีไม่พ้นคณะบัญชี แต่ต้องดูให้ดีว่าคณะนั้นๆ สามารถเติมเต็มความฝันในการสร้างธุรกิจของตัวเราเองได้หรือไม่ โดยให้หาข้อมูลตามงาน Open House หรือหาศึกษาข้อมูลหลักสูตรจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเอาก็ได้

2. สถานที่และอุปกรณ์การเรียน

สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นจินตนาการและการเรียนรู้ ดังนั้น facilities และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ครบถ้วน สะดวกสบายต่อการใช้งาน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่เพียงพอเหมาะสมกับจำนวนนักศึกษา จะเป็นสิ่งสำคัญต่อการการช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เพราะการได้ลงมือทำได้สัมผัสกับอุปกรณ์จริงๆ จะช่วยให้เราเข้าใจทุกขั้นตอนและกระบวนการของอาชีพนั้นๆ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยต่อยอดให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตได้

3. เน้นสอนทฤษฎีหรือได้ลงมือทำจริง

มหาวิทยาลัยบางแห่งเน้นเรื่องหลักสูตรทฤษฏีที่เข้มข้น บางแห่งก็เน้นการลงมือทำจริง แต่ทางที่ดีควรเลือกมหาวิทยาลัยที่เน้นทั้งการสอนทฤษฏีและเปิดโอกาสให้ลงมือปฏิบัติจริง เพราะเราจะได้รู้จักนำความรู้จากในตำรามาประยุกต์ใช้จริงนอกห้องเรียนได้ ซึ่งการได้ลงมือทำจริงจะทำให้เราได้พบเจออุปสรรคต่างๆ ในการทำงานซึ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่มีทางหาได้จากในห้องเรียน

4. ครูผู้สอนก็สำคัญไม่แพ้กัน

ครูผู้สอนเก่งๆ และมีชื่อเสียงก็น่าสนใจไม่น้อยในการเลือกเรียน แต่อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ครูที่เปิดใจฟังความเห็นและพร้อมให้โอกาสนักเรียนได้ลองทำในสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ ไม่จำกัดกรอบทางความคิด เพราะถึงแม้ว่าสิ่งที่นักเรียนทำอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่นั่นมันก็เป็นประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้ และเอาความผิดพลาดเหล่านั้นไปแก้ไขในงานต่อไปได้เช่นกัน

5. รุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ

นี่ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ short cut ความเป็นมหาวิทยาลัยนั้นๆ ได้ดีทีเดียว แค่ลองดูว่ามีรุ่นพี่ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนั้นๆ ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะถ้ามีรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของธุรกิจได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะนั่นเป็นข้อบ่งชี้กลายๆ ว่ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นมีการสอนให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เฉลียวฉลาดพอที่จะเห็นถึงโอกาสและกล้าที่จะลงมือทำธุรกิจด้วยความรู้ที่เรียนมา

นี่ก็เป็น 5 Checklist ที่จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยง่ายขึ้น แต่หากสังเกตจะเห็นว่าทั้ง 5 ข้อมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันอยู่ นั่นคือต้องเลือกมหาวิทยาลัยที่สอนให้คิดได้แบบสร้างสรรค์ และสอนให้คิดแบบเจ้าของ

เพราะการคิดได้ทั้ง 2 แบบจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไปได้ไกลกว่าเดิม เหมือนที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ให้ความสำคัญในข้อนี้ จึงเกิดเป็นหลักสูตรแนวใหม่ ที่หวังจะสร้างเด็ก
ปริญญาตรีให้เป็น Creative Entrepreneur เพื่อคว้าความสำเร็จในโลกยุคปัจจุบันในแบบที่จับต้องได้จริง

ต้องบอกว่ามหาวิทยาลัยเปรียบเหมือนสถานที่ให้ความรู้ด่านสุดท้าย ก่อนเริ่มเข้าสู่ชีวิตจริงที่ไม่มีโอกาสได้ลองผิดลองถูกเหมือนตอนเรียน เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนจะเลือกนะครับน้องๆ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bu.ac.th/tha/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook