Gen ใหม่ ต้องพูดได้หลายภาษา (จบ)

Gen ใหม่ ต้องพูดได้หลายภาษา (จบ)

Gen ใหม่ ต้องพูดได้หลายภาษา (จบ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ Education Ideas โดย ดร.ดนุวัศ สาคริก มหาวิทยาลัยรังสิต

นอกจากนั้น ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากงานวิจัยอีกประเด็น นั่นก็คือ "Exposure Advantage" เป็นข้อได้เปรียบที่พบว่าเด็กที่ไม่สามารถพูดภาษาอื่นได้ดี แต่เปิดรับที่จะเรียนรู้ภาษาอื่นนั้น มีการแสดงออกได้ดีเหมือนกับเด็กสองภาษาอีกด้วย

หมายความว่าการได้เปรียบในด้านการสื่อสารที่แสดงออกของกลุ่มเด็กสองภาษา ที่นักวิจัยเรียกว่า ระบบทางสังคม (Social in Origin) นั้นถือว่าเป็นระบบที่เกิดขึ้น และดีมาก หากระบบนี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้วล่ะก็ การเปิดรับหรือการเข้าใจผู้อื่นในสังคมหลากหลายภาษาจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาโดยไม่ต้องปรับตัวกันใหม่ และระบบสังคมแบบนี้จะเห็นว่าสิ่งแวดล้อมที่มีความหลากหลายเป็นตัวผลักดันการพัฒนาการเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ หรือเปิดรับภาษาใหม่และตัวระบบสังคมตัวนี้ก็จะถูกสร้าขึ้นมาเป็นตัวสำคัญที่จะทำการส่งเสริมการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพนั่นเอง

ฉะนั้นความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาแก่เด็กการส่งเสริมพัฒนาการเด็กควรต้องทำควบคู่ไปกับทักษะทางภาษาก็จะดีไม่น้อย หากเด็กบ้านเรามีบุคลิกเปิดรับที่จะเรียนภาษาที่สองและสามตั้งแต่วัยเยาว์ จะเป็นการช่วยสร้าง และช่วยพัฒนาระบบภาษาพื้นฐาน (Formal Language System) ของตัวเด็กได้แต่แรกเริ่ม

แม้เด็กอาจยังไม่สามารถสื่อสารชนิดที่เรียกว่าพูดได้คล่องปรื๋อมากนักก็ตาม แต่จะกระตุ้นให้มีการเปิดรับมากขึ้น เปิดรับที่จะเรียนรู้ นำไปสู่การรู้จักผู้อื่นและมีมุมมองที่จะเข้าใจสังคมอันหลากหลายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ดังนั้น อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นครับว่า ความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาที่สองและสาม เป็นตัวช่วยนำไปสู่โอกาสที่ดีในการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันและอนาคต เอาละครับ หากผู้ปกครองพอจะมองเห็นภาพแล้ว ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มสร้างพื้นฐานทางภาษาให้กับเด็กนะครับ ยิ่งเด็ก Gen ใหม่ ๆ นี้ ยิ่งต้องแข่งขันกับสังคมนานาประเทศ ควรยิ่งต้องสร้างความได้เปรียบโดยเฉพาะความได้เปรียบด้านการสื่อสารได้หลายภาษาครับ


ภาพจาก schoolzone..omypedia.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook