มนต์ Swerb โมชั่นกราฟิกระดับโลก เหมาเรียบเวที EDM

มนต์ Swerb โมชั่นกราฟิกระดับโลก เหมาเรียบเวที EDM

มนต์ Swerb โมชั่นกราฟิกระดับโลก เหมาเรียบเวที EDM
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รุ่งนภา พิมมะศรี : เรื่อง

ในช่วง 3-4 ปีหลัง ๆ มานี้ กระแส "อิเล็กทรอนิกส์ แดนซ์ มิวสิค" หรือ EDM ถาโถมเข้ามาเมืองไทยราวคลื่นซัดเข้าฝั่ง ศิลปิน-ดีเจ.ชื่อดังคนแล้วคนเล่าเข้ามาสร้างความสนุกสนานให้บรรดาสายตื๊ดในบ้านเราได้ฟินกันตั้งแต่หัวปียันท้ายปี

ทุกงานคอนเสิร์ตเหล่านั้น เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ชวนเต้นจะต้องบรรเลงไปคู่กับแสงไฟและวิชวลตระการตา และส่วนประกอบสำคัญอันหนึ่งก็คือ โมชั่น กราฟิก ที่เคลื่อนไหวอยู่บนจอแอลอีดีขนาดใหญ่ด้านหลังศิลปิน เบื้องหลังความตระการตาระดับอินเตอร์เหล่านั้น ส่วนมากก็เป็นฝีมือคนไทยเรานี่แหละ

"โมชั่น กราฟฟิก ในคอนเสิร์ต EDM ใหญ่ ๆ ไอ้มนต์กวาดเรียบเกือบทุกงาน" ศิลปินรุ่นใหญ่และผู้จัดคอนเสิร์ตคนหนึ่งให้เบาะแส เป็นจุดเริ่มต้นให้เราถามต่อไปว่ามนต์ไหน บริษัทอะไร

มนต์ วัฒนศิริโรจน์ เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง บริษัท สเวิร์บ ดอท ทีวี จำกัด บริษัทรับทำงานโมชั่นกราฟิก, กราฟิก ดีไซน์, วิชวล ที่เจ้าของหนุ่มไฟแรงออกตัวว่า "เป็นบริษัทเล็ก ๆ"

คอนเสิร์ตโปรดักชั่นใหญ่ ๆ ที่ Swerb ได้วาดลวดลายที่ผ่านมาก็อย่างเช่น Road To Ultra, 808 Festival 2013, Together Festival ปี 2012, 2013, 2014 และ 2015 ส่วนงานไทยก็อย่าง BDAY Party ของสุกี้ สุโกศล, Heineken Sensation และงานอีเวนต์ใหญ่ ๆ แทบทุกงานของไฮเนเก้น สำหรับปีนี้ยังมีอีก 2 งานใหญ่ส่งท้ายปีคือ 808 Festival 2015 และ Wonderfruit Festival ในเดือนธันวาคม และต้นปีหน้าอีกงานคือ Gypsy Carnival

ย้อนกลับไปก่อนหน้าจะตั้งบริษัท มนต์ วัฒนศิริโรจน์ เรียนจบเอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มนต์มีโอกาสได้ฝึกงานกับวิชญ์พิมพ์กาญจนพงศ์ ซึ่งเป็นวิชวลอาร์ทิสต์มือหนึ่งของไทยในสมัยนั้น ทำให้รู้ว่าตัวเองชอบด้านนี้ เขาจึงไปเรียนต่อโทด้านนิวมีเดีย ที่ Academy of Arts ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

พอเรียนจบเขาได้ทำงานอยู่ที่นู่นในสายงานที่เรียนจบมา ทำงานได้สักพักก็มีคิดว่าน่าจะนำความรู้ประสบการณ์ที่มีกลับมาทำประโยชน์ให้ประเทศ เพราะสิ่งที่เขาเรียนมายังใหม่มากสำหรับเมืองไทย ณ เวลานั้น

ปี 2553 มนต์กลับมาเมืองไทยพร้อมคนรัก ซึ่งก็คือ "แองจี้" ภรรยาของเขาในปัจจุบัน ทั้งสองเริ่มก่อตั้งบริษัท สเวิร์บ ดอท ทีวี จำกัด โดยมีเพื่อนอีกคนร่วมทีม ซึ่งมนต์เล่าให้เห็นภาพว่า "มีกัน 3 คนเริ่มเดินเตาะแตะไปด้วยกัน"

ความตั้งใจแรกที่ทำบริษัทคืออยากทำงานประเภทอินโฟกราฟิก สำหรับนำเสนอข้อมูลยาก ๆ ให้เข้าใจง่าย แต่ด้วยความที่เป็นสิ่งใหม่ในตอนนั้น ยังไม่ค่อยมีใครนำงานรูปแบบนั้นไปใช้ จึงไม่มีใครจ้าง

"ระหว่างนั้นโชคดีที่มีคอนเน็กชั่นในบริษัทเครื่องดื่ม จึงได้รับงานออกแบบงานปาร์ตี้ แล้วเราเอาโมชั่นกราฟิกเข้าไปใส่ในส่วนวิชวลอาร์ตของงาน ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นสิ่งใหม่มาก พอเราเริ่มบุกเบิกตรงนั้นก็มีคนเห็นมากขึ้น เริ่มมีคนทำอีเวนต์จริงจังขึ้นมา คอนเสิร์ตที่เราได้ทำแรก ๆ คือ Together Festival, 808 Festival พอเราสร้างชื่อได้ระดับหนึ่งก็มีคนอยากลองอยากใช้บริการเรา บอกกันปากต่อปาก พอมีงานเรื่อย ๆ" เขาเล่า

ตอนนี้บริษัทของเขาแทบจะกวาดทุกงานคอนเสิร์ตและอีเวนต์ใหญ่ ๆ บางช่วงงานเยอะจนต้องแบ่งให้บริษัทเพื่อน ๆ ทำก็มี แต่ถึงอย่างนั้นมนต์ยังถ่อมตัวว่า "เราเป็นบริษัทเล็ก ไม่ได้มีชื่อเสียง เราได้งานจากการแนะนำต่อกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์คุณภาพตัวเองอยู่เสมอ"

มนต์บอกว่าจุดเด่นของ Swerb คือ "พยายามทำงานให้คุณภาพมาก ๆ ทำงานแบบคัสตอม ในขณะที่หลายบริษัทดาวน์โหลดสำเร็จรูปมาใช้ แต่เราเน้นสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งมันมีผลทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ลูกค้าก็ยอมจ่าย เพราะเขาได้งานที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ"

มนต์พูดถึงความสำคัญของโมชั่นกราฟิกและภาพรวมวิชวลของงานว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่เล่นกับความรู้สึกคนตลอดทั้งงานเป็นส่วนเสริมที่มีผลกับความรู้สึก เมื่อวิชวลเข้ากับไฟเข้ากับเพลงมันผสานเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้เป็นโชว์ที่สมบูรณ์ ทำให้คนดูสนุกขึ้น

จากนั้นเขาเล่าลงรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานให้เห็นภาพว่า "งานทุกงานมีธีมใหญ่ของงานครอบอยู่ คนทำวิชวลต้องทำให้เข้ากับธีม คอนเสิร์ตไทยเราจะรู้ลิสต์เพลง แล้วดีไซน์ให้เข้ากับเพลง ส่วนคอนเสิร์ตดีเจ.เมืองนอกเราไม่รู้ลิสต์เพลง ก็ต้องฟังสไตล์ของดีเจ.แต่ละคน ถ้าเพลงกระแทก ก็ต้องทำโมชั่นกราฟิกให้มันตึงตัง ๆ ถ้าเพลงมีสเปซกว้าง ๆ ก็ทำให้มันพุ่ง ๆ ให้รู้สึกว่ากว้าง ๆ ส่วนเรื่องสีก็ดูมิวสิกวิดีโอ ดูปกอัลบั้ม เพราะเวลาศิลปินออกอัลบั้มเขาจะมีดีไซน์คอนเซ็ปต์ของเขา มิวสิกมันมาคู่กับอาร์ตตลอด เราสามารถผลิตโมชั่นกราฟิกออกมาจากสิ่งเหล่านี้ได้หมด แต่เดี๋ยวนี้ดีเจ.ดัง ๆ มีวิชวลของตัวเองมาเป็นเซต เขาจะส่งคลิปมาให้เราเอาไปปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ซึ่งก็ดีตรงที่เราไม่ต้องเหนื่อยมาก และเขาได้สิ่งที่เขาต้องการชัดเจน"

มนต์พูดถึงการทำงานโปรดักชั่นระดับโลกว่า "ก่อนจะได้งานเราต้องส่งพอร์ตไปให้เขาดูว่าเราทำได้แค่ไหน เราต้องทำให้ถึงระดับที่มาร์กไว้ ซึ่งผมพยายามให้อะไรที่มันเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ปกติงานไทยเราก็ตั้งใจ เรามีมาตรฐานของเรา แต่พอเป็นงานระดับโลก เราต้องทำให้มันเป็นอีกระดับความท้าทายหนึ่ง

โปรดักชั่นระดับโลก เขากำหนดมาตรฐานของเขาที่ระดับโลกยอมรับ ต้องทำได้เท่ามาตรฐานที่เขาจัดที่ประเทศอื่น มีข้อเรียกร้องหรือข้อกำหนดที่จุกจิกกว่างานไทยเยอะ ยกตัวอย่างเรื่องสปอนเซอร์ ถ้าเป็นงานคนไทยสปอนเซอร์จ่ายตังค์เยอะ จะเอาป้ายใหญ่ขนาดไหนก็ได้ คอนโทรลได้แม้กระทั่งสีภาพรวมของงาน แต่งานอินเตอร์ อย่าง Road To Ultra เขาไม่ให้ จ่ายตังค์เยอะแค่ไหนโลโก้ก็ต้องเล็ก ๆ ถ้าไปเมืองนอกจะเห็นว่าโปสเตอร์เขาสวยมาก เขาไม่ขายแบรนด์ในโปสเตอร์ เขามีวิธีอื่นที่จะสื่อสารแบรนด์ออกไปได้ ซึ่งมาร์เก็ตติ้งในประเทศเรายังไม่มีครีเอทีฟขนาดนั้น"

เปรียบเทียบฝีมือคนไทยกับระดับนานาชาติ มนต์บอกว่า "เราไม่แพ้เขาเลย เรามีความคิด ความรู้ เรามีพลังความสามารถเท่าคนอื่น แต่ช่องทางการนำเสนอยังน้อย คนยังไม่เห็นความสำคัญในการโยนงบฯลงมาทำตรงนี้ เมืองไทยยังให้ความสำคัญที่ตัวโลโก้แบรนด์และสปอนเซอร์ แต่มันก็อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น เรามีอีเวนต์ให้ทำมากขึ้น ได้มีงานแปลก ๆ มาให้ทดลองมากขึ้น ก็เป็นทิศทางที่ดีครับ แต่ว่ามันจะช้าหน่อย"

นอกจากเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว มนต์ยังเป็นอาจารย์สอนที่คณะดิจิทัลอาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต การถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาอยากทำมาตลอด อีกทั้งบริษัทของเขาเปิดรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานด้วย ตอนนี้เขาจึงได้เป็นครูทั้งในห้องเรียนและในโลกการทำงานจริง จากการสอนเด็กสมัยนี้ มนต์บอกว่าเป็นห่วงมาก

"เส้นทางของทุกสายอาชีพมันต้องเริ่มจากเล็ก ๆ ค่อย ๆ ไต่ขึ้น เด็กบางคนก็ทำได้ดี สั่งให้ทำอะไรก็ทำไม่ว่าจะเล็กขนาดไหน แต่บางคนถ้างานไม่เจ๋งเขาไม่อยากทำ ผมรู้สึกเศร้านิดหนึ่งว่า แหม มันเลือกได้ขนาดนั้นเลยเหรอ อยากให้ย้อนกลับไปอยู่สมัยเราจัง จะได้รู้ว่ามันเลือกไม่ได้จริง ๆ

สมัยก่อนกว่าจะได้ทำงานจริงมันยากมาก สมัยนี้มา 2 เดือนก็ได้ทำงานใหญ่แล้ว ตอนนี้หลายอย่างมันได้มาง่าย เมื่อก่อนคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้เร็วขนาดนี้ เราก็ต้องพยายามผลิตงานที่เหมาะสมกับของที่เรามี แต่เดี๋ยวนี้มันเร็ว มีโปรแกรมให้โหลดเยอะ จะหยิบจับอะไรมาใช้ก็ได้หมด ทุกอย่างมันเร็ว เพียบพร้อม พอได้อะไรง่ายทำให้เสียนิสัยครับ ไม่มีความอดทนความพยายาม เจเนอเรชั่นที่ผมกำลังสอนอยู่ความคิดเปลี่ยนแปลงเร็วมาก อีโก้เยอะมาก อีโก้

เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดสำหรับงานอย่างเรา เราต้องรู้ว่าเรามาจากไหน ต้องรู้ว่าคุณได้ทำงานเพราะคุณอยู่ในบริษัทนี้ ไม่ใช่ได้ทำเพราะตัวคุณ ไม่ใช่ว่าคุณไปหางานมาด้วยตัวเอง กระบวนการที่ต้องออกไปดีลงาน ไปคิดคำนวณ ออกไปซื้อของ ลงทุนลงแรง เขาไม่รู้ มันมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดเยอะมาก

เราก็มีหน้าที่คอยขัดเกลาให้เขาเข้าใจว่าก่อนที่มันจะมาเป็นสิ่งนี้ได้เราลำบากกันมาขนาดไหนผมพยายามอยู่ทุกวันพูดไปเขาไม่เห็นด้วยก็มี แต่เราก็ต้องพยายามพูดให้เขาได้ยิน เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะนึกถึงสิ่งที่เราพูดก็ได้ เป็นสิ่งที่เราต้องพูด ถึงแม้พูดแล้วมันอาจจะไม่มีผลอะไรก็ต้องยอมรับ"

ในสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ มักจะได้ยินบ่นกันอยู่บ่อย ๆ ว่าทำนาน ๆ แล้วตัน แต่สำหรับมนต์บอกว่า "ไม่ตันเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าเราจะทำตัวให้สนุกกับงานมากแค่ไหน การคิดอาจจะมีเรฟเฟอเรนซ์มาจากงานเก่าบ้าง ยุคนี้มันแทบไม่มีอะไรที่เป็นต้นฉบับแก่นแท้แน่นอน มันยากที่จะคิดค้นอะไรใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ส่วนมากเป็นการประยุกต์ เอาของคนนั้นคนนี้มาใช้ มันเป็นออปชั่นที่ทำให้เราไม่ตัน แต่มันจะตันตรงที่เราคิดไปเองว่าเราทำซ้ำกับคนอื่น หรืออาจจะมีเสียงจากรอบข้างว่าอันนี้มีคนทำแล้ว อย่าไปทำเลย แต่ถ้าเราคิดดี ๆ ทุกคนเดินตามรอยใครบางคนอยู่แล้ว

การเดินตามใครสักคนมันก็เหมือนเป็นการให้เกียรติเขาด้วย ถ้าเรายอมรับว่าเราเดินตามเขา ถ้างานผมถูกนำไปคิดต่อ ผมจะภูมิใจมาก ถ้าเขาทำดีกว่าเรา เราก็ทำให้มันดีกว่าเขาอีก มันก็จะพัฒนาไปเรื่อย ๆ การแข่งขันในโลกดีไซน์คือการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่มาดราม่าฆ่ากันว่าของกูดีกว่าของมึง

อันนั้นคือทิศทางที่ควรจะเป็น แต่ความเป็นจริงในวงการตอนนี้บรรยากาศมันก็ยังไม่ดีขนาดนั้น ยังมีคนที่บอกว่าคนนี้เป็นของก๊อป บอกว่าอันนี้มีคนทำแล้ว ของกูเป็นออริจินัล

ผมว่าเราอย่าไปหมกมุ่นตรงนั้นเลย ถ้าเด็กมาได้ยิน เด็กมันจะกล้าคิดอะไร มันปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์น้องไปโดยปริยาย ผมว่าทำออกมาเหอะ ยังไงมันก็ได้พัฒนามาบ้าง ถึงงานมันจะออกมาเหมือนกัน แต่วิธีการทำงานไม่มีใครเหมือนกันอยู่แล้ว มันจะซ้ำไม่ซ้ำยังไง อย่างน้อยก็มีส่วนที่เราคิดขึ้นมาเอง" มนต์สะท้อนภาพในวงการพร้อมทัศนคติในแบบของเขาที่น่าจะทำให้รุ่นน้องพอยิ้มได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook