นำระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้ผู้ปกครองชี้ทำให้เด็กเครียด

นำระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้ผู้ปกครองชี้ทำให้เด็กเครียด

นำระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้ผู้ปกครองชี้ทำให้เด็กเครียด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โพลล์ระบุผู้ปกครองไม่ถึงครึ่งเห็นด้วยให้นำระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้ มากกว่าครึ่งระบุอาจทำให้เด็กเครียด แต่ร้อยละ 51.38 ยอมรับจะทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นมากขึ้น

ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการ ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อนโยบายการนำเอาระบบซ้ำชั้นของเด็กนักเรียนกลับมาใช้

ศ.ดร. ศรีศักดิ์กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมาได้ปรากฎข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีการพูดถึงแนวคิดการพิจารณานำเอาระบบซ้ำชั้นของเด็กนักเรียนกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพของเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาให้สูงขึ้นรวมถึงแก้ปัญหาเด็กนักเรียนที่ยังไม่มีความพร้อมในการเข้าศึกษาในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป ทั้งนี้ในอดีตเคยมีการใช้ระบบซ้ำชั้นในกรณีที่เด็กนักเรียนมีผลการเรียนไม่ผ่านตามที่กำหนดหรือนักเรียนยังไม่มีความพร้อมในการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น จากข่าวดังกล่าว พ่อแม่ผู้ปกครองในฐานะผู้ที่มีความใกล้ชิดกับเด็กนักเรียนมากที่สุดน่าจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งสะท้อนให้กับสังคมได้รับทราบ
ดังนั้นสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อนโยบายการนำเอาระบบซ้ำชั้นของเด็กนักเรียนกลับมาใช้ โดยได้ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 มกราคม พ.ศ. 2559

โดย ศ.ดร. ศรีศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,125 คน เป็นเพศหญิงร้อยละ 51.73 และร้อยละ 48.27 เป็นเพศชาย กลุ่มตัวอย่างร้อยละ ร้อยละ 26.93 และร้อยละ 23.11 มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 36 ถึง 40 ปีและ 41 ถึง 45 ปีตามลำดับนั้น สามารถสรุปผลได้ดังนี้

ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดการพิจารณานำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้กับเด็กนักเรียน กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 56.27 ทราบ/ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการมีแนวคิดที่จะพิจารณานำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้กับเด็กนักเรียนอีก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 43.73 ไม่ทราบ/ไม่เคยได้ยินข่าว ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 74.13 ระบุว่าในอดีตตนเองไม่เคย/ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยถูกพิจารณาให้ต้องซ้ำชั้นในการเรียน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 25.87 ยอมรับว่าตนเองเคยหรือมีเพื่อน/คนรู้จักเคยถูกพิจารณาให้ซ้ำชั้นในการเรียน

ส่วนความคิดเห็นต่อการนำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.22 เห็นด้วยที่จะนำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้กับเด็กนักเรียนในกรณีที่นักเรียนผู้นั้นยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 41.69 ไม่เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 12.09 ไม่แน่ใจ หากนำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้ใหม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 44.07 มีความคิดเห็นว่าโรงเรียนควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบซ่อมในวิชาที่มีผลการเรียนตกก่อน 1 ครั้งจึงจะพิจารณาให้ซ้ำชั้น รองลงมาควรเปิดโอกาสให้สอบซ่อม 2 ครั้งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30.4 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 9.87 มีความคิดเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้สอบซ่อม 3 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตามมีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.02 มีความคิดเห็นว่าไม่จำเป็นต้องให้สอบซ่อมเลย

ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 49.78 มีความคิดเห็นว่าการนำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้จะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพของเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาในระดับภาคบังคับให้สูงขึ้นได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 51.38 มีความคิดเห็นว่าการนำเอาระบบซ้ำชั้นกลับมาใช้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เด็กนักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนเพิ่มมากขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.6 มีความคิดเห็นว่าการที่เด็กนักเรียนถูกซ้ำชั้นจะมีส่วนทำให้เด็กนักเรียนผู้นั้นเกิดความเครียดในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น และกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.58 มีความคิดเห็นว่าหากเด็กนักเรียนต้องถูกซ้ำชั้นจะส่งผลให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาเพิ่มมากขึ้น ศ.ดร. ศรีศักดิ์กล่าว
.............................

ภาพจาก-www.herald.ie

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook