"เป๊กกี้ พัชรชาลิสา" เยาวชนไทยสุดเจ๋ง ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเก่ง

"เป๊กกี้ พัชรชาลิสา" เยาวชนไทยสุดเจ๋ง ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเก่ง

"เป๊กกี้ พัชรชาลิสา" เยาวชนไทยสุดเจ๋ง ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเก่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป๊กกี้ พัชรชาลิสา ชวาลดิฐ
อายุ 28 ปี
จบการศึกษาจาก Sirindhorn International Institute of Technology, Thammasat University
คณะ Management Information Technology
ปัจจุบันทำงาน Feed Ingredient Trading co.,ltd ในเครือ CP บริษัทจัดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ ดูด้าน Business Development ของประเทศจีน


หลักการดำเนินชีวิต พยายามเปิดใจกว้างตลอดเวลา ไม่เดือดร้อนกับตัวเองและผู้อื่น ทำงานกับคนเยอะมาก ตั้งแต่ทำกิจกรรมมหาวิทยาลัยจนมาทำงาน เจอหลายแบบ เช่น จะมีทั้งคนที่เก่งแต่ไม่ค่อยรับฟังผู้อื่น เก่งแล้วรับฟังผู้อื่น หรือไม่เก่งแต่ฟังคนอื่น จนกระทั่งวันหนึ่งเรารู้สึกว่า ถ้าเราอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เราต้องเป็นคนที่เปิดกว้าง รับฟัง คิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจก่อนที่จะปรับอะไรสักอย่างมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น

เป้าหมายสูงสุดของชีวิต พื้นฐานครอบครัว คุณพ่อคุณแม่เป็นคนชอบทำบุญ บริจาคบ้าง ให้ทานบ้าง ที่สามารถทำได้แบบง่ายๆ เราก็เห็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ เวลาทำบุญทีหนึ่ง เขาสามารถมีเงินเป็นหลักล้านไปสร้างโรงเรียน เหมือนเนรมิตขึ้นมาได้ เหมือนมีบารมีที่จะสามารถหาคนมาร่วมได้เยอะแยะ เลยมีความฝันแต่เด็กๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งเราเป็นคนที่มีทั้งกำลังเงิน กำลังกาย และมีบารมี บวกกับใจที่จะสามารถช่วยเหลือทั้งคนทั้งสัตว์ได้ขนาดนี้ มันเป็นอะไรที่สามารถตอบโจทย์มากๆ เคยตั้งเป้าไว้ว่าอยากมีมูลนิธิหรือศูนย์ที่เอาไว้ฝึกอาชีพให้คนที่ขาดโอกาส ให้ทุนเรียนหนังสือกับเด็กๆ เป้าอีกอย่างหนึ่งคืออยากช่วยช้างที่ต้องออกมาเดินเร่ร่อนกับควาญช้างที่ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรให้เค้ามีอาชีพ



ความฝันที่ทำสำเร็จแล้ว ต่อเนื่องจากที่พูดไป แต่ด้วยความที่เป็นพนักงานบริษัท ยังทำงานอยู่ เคยได้ไปช่วยสร้างโรงเจเหมือนเป็นสถานปฏิบัติธรรมเล็กๆ และมีห้องสมุดเล็กๆ ให้เด็กๆ ที่อุตรดิตถ์ ร่วมกับเพื่อนช่วยกันหาทุน หาผู้ใหญ่มาช่วย 3 - 4 ปี จนเสร็จไป เป็นสถานที่ที่คนสามารถมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน อยู่บนภูเขาไกลๆ คิดว่านี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำสำเร็จ แต่อาจจะไม่ได้สำเร็จถึงขนาดให้การศึกษาคนได้ขนาดนั้น แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอิ่มเอมใจ

ความฝันที่ยังไม่ได้ทำ ด้วยการที่เราต้องมีชีวิตในปัจจุบัน มีหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ เราไม่สามารถที่จะไปอุทิศตนหรือใช้เวลาที่เรามีอยู่ได้ขนาดนั้นในการที่เราจะทำอะไรที่เราอยากทำจริง ๆ เราต้องมามุ่งเน้นในการหาปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการใช้ชีวิตไปก่อน ก็เลยทำอะไรได้เล็กๆ น้อยๆ เช่น ให้ทุนการศึกษา

ในฐานะตัวแทนเยาวชนอยากให้ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ซักเล็กน้อย
มีอยู่ช่วงชีวิตหนึ่งที่เคยคิดว่าทำไมคนไม่ช่วยเหลือกัน ทำอะไรเหมือนดูแก่งแย่ง เร่งรีบ ทำอะไรเพื่อตัวเอง ก็เหมือนรู้สึกท้อแท้นิดนึง แต่พอได้มาร่วม One Young World โดยผ่านซีพี ก็เลยรู้สึกว่า จริงๆ โลกไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี มันอยู่ที่เราจะเลือกเดินทางไหน การมาร่วม One Young World เหมือนเป็นอีกทางที่เปิดอีกมุมหนึ่งของชีวิต ทำให้เห็นว่าที่จริงไม่ได้มีแค่คนไทย ประเทศที่แย่กว่าเราตั้งเยอะ อย่างเวเนซูเอล่า ประเทศที่คนโกงกันตั้งเยอะ เยาวชนของเขากล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไร มันมีสองด้าน

การที่เราจะเลือกทางเดินของตัวเอง พอเราได้เข้ากลุ่มใหม่ๆ กับคนที่ชอบอะไรเหมือนเรา มันทำให้เราเปิดโลก เวลาคิด มองได้หลายนัยยะมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบกับงานปัจจุบันของเรา เมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง จากที่ได้ไป Workshop กับ One Young World หัวหน้าก็สังเกตได้ว่าเรามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เราก็คิดว่าการที่เราได้ไปเจอคนเยอะ ๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมี connection and networking มันทำให้เราสามารถพัฒนาไปได้ เพราะฉะนั้นเยาวชนรุ่นใหม่ก็จะยิ่งเก่งกว่ารุ่นเดิม อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง และกล้าที่จะลงมือทำค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook