7 หลักคิดที่จะทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีได้ในวัย 20 ต้นๆ

7 หลักคิดที่จะทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีได้ในวัย 20 ต้นๆ

7 หลักคิดที่จะทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีได้ในวัย 20 ต้นๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Tucker Hughes นักธุรกิจหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นถึง Managing Director ของ Hughes Marino บริษัทตัวแทนในการลงทุนและให้คำปรึกษาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ถ้าเขามีดีแค่นี้ผู้อ่านก็คงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกหรือน่าสนใจเท่าไร แต่รู้ไหมว่า Tucker Hughes นั้นได้เป็นผู้บริหารด้วยวัยเพียง 22 ปี หลังจบปริญญาโทจาก University of San Diego เมื่ออายุเพียง 20 ปี และวันนี้ JobThai.com ได้รวบรวมแนวความคิดของเขาที่ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มาให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณได้ลองอ่านกัน


1.อายุเป็นเพียงตัวเลข
เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้ตัวเลขของอายุมาเป็นข้ออ้างในการที่จะไม่ประสบความสำเร็จ เช่น อ้างว่าอายุน้อยเกินไปยังไม่มีประสบการณ์ หรืออ้างว่าตัวเองแก่เกินไปหมดไฟในการตามหาฝัน นั่นแหละคือช่วงเวลาที่คุณจะพบกับความล้มเหลวอย่างแท้จริง ถ้าคุณมีคุณสมบัติมากพอ จะอายุเท่าไหร่หรืออยู่ในสถานการณ์ไหน คุณก็จะไขว่คว้าหาความสำเร็จได้ นอกจากนี้สิ่งที่คนอื่นๆ อยากเห็นจากคุณคือความขยัน ความฉลาด และการอุทิศตนต่อสิ่งที่ทำ เมื่อคุณมีไฟและมีพลังในการขับเคลื่อนชีวิต คนอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การนำของคุณก็จะเห็นดีเห็นงามด้วยเอง

2. ลงทุนกับตัวเอง
การลงทุนของ Tucker Hughes คือการลงทุนเพื่ออนาคตของตัวของเขา เขาแนะว่าเราควรจะทำในสิ่งที่จะกลายเป็นประโยชน์กับเราในวันข้างหน้าทั้งในด้านทักษะ ความสามารถ หรือโอกาส หาเวลาอ่านหนังสือดีๆ วันละ 30 นาที ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วยการฟัง podcast ที่ให้ความรู้ขณะเดินทางไปไหนมาไหน การรู้ในสาขาอาชีพที่คุณทำงานอาจไม่เพียงพออีกต่อไป คนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องเก่งรอบด้าน และรอบรู้ในเรื่องราวต่างๆ รอบตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การเมือง ข่าวสารทั่วไป หรือแม้แต่เรื่องกีฬา หมั่นแสวงหาและให้ความสำคัญกับองค์ความรู้เหล่านี้ให้เหมือนกับที่คุณให้ความสำคัญกับอากาศที่เราหายใจเข้าไป

3. หลีกเลี่ยงเรื่องเปลืองสมอง
ความสนใจของเรามีผลโดยตรงต่อความสามารถในการตัดสินใจ ไม่ว่าคุณจะเก่งมาจากไหนแต่ถ้าสมองคุณต้องเจอหลายเรื่องให้ต้องตัดสินใจ ท้ายที่สุดสมองของคุณก็จะล้าและช่วงเวลานั้นเองความสามารถในการตัดสินใจของคุณจะลดต่ำลงอย่างไม่ต้องสงสัย เก็บพลังสมองของคุณไว้ใช้กับเรื่องที่สำคัญ อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องจุกจิก หรือกิจกรรมประจำวันที่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ง่ายๆ

4. สร้างภูมิคุ้มกันจิตใจให้เข้มแข็ง
ความแตกต่างสำคัญระหว่างการทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ กับการประสบความสำเร็จคือ ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ถูกรบกวนจากปัญหาเล็กๆน้อยๆ ถ้าคุณเพิ่งทำงานได้ไม่นาน คุณคงสู้คนเก่งๆ ที่เคยผ่านโครงการธุรกิจใหญ่ยักษ์มานักต่อนักไม่ได้เพราะพวกเขาคุ้นเคยดีกับการทำงานอย่างเป็นระบบภายใต้สถานการณ์ที่กดดันในโลกของธุรกิจที่ซับซ้อน เริ่มเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสมาธิและจิตใจของคุณ ด้วยการสังเกตว่าเรื่องไหนที่จะกลายเป็นปัญหาและเบี่ยงเบนความสนใจของคุณ ค้นหามันให้เจอก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหา เท่านี้คุณก็จะมีสมาธิในการทำงานได้ยาวนานขึ้นและมีเวลาใส่ใจกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างเต็มที่

5. ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
หากคุณยังไม่มีแผนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี ให้เริ่มเขียนแผนอนาคตของคุณตั้งแต่วันนี้ ลงรายละเอียดให้ชัดไปเลยว่าคุณจะทำอย่างไรให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายรายวันที่เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวได้ อ่านเป้าหมายเพื่อเตือนตัวเองในทุกๆเช้า หรือลองถามตัวเองเล่นๆว่า จะเร่งให้แผน10 ปีนั้นประสบความสำเร็จใน1 ปีได้อย่างไร
การทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อไปสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณกังวลว่าจะประสบความสำเร็จช้า ก็ให้ประเมินดูใหม่ว่าเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวัน นั้นทำให้การไปถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่าในระยะยาวช้าลงหรือเปล่า หมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอและพยายามผลักดันไปจนถึงเป้าหมายและทลายข้อจำกัดของตัวคุณเองให้ได้

6. มีระบบและระเบียบในการใช้ชีวิต
วางแผนและลงมือทำตามแผนในทุกๆ เรื่องของชีวิตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน วิธีเริ่มต้นง่ายๆ คือ การสร้างรายละเอียดเนื้อหาของแผนนั้นเป็นหลายๆ ขั้นตอนที่ต่อเนื่องกันตามลำดับ และติดตามผลของแผนการนั้นอย่างต่อเนื่อง วิธีการที่ว่านี้สามารถนำไปใช้ได้กับการทำทุกอย่างในชีวิต คุณอาจจะสร้างระบบในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ หรือระเบียบการบริหารงานที่ทำให้คนอื่นทำตามได้อย่างง่ายได้ คนเราถ้ามีระบบและระเบียบ คุณจะไม่เจอกับความยุ่งเหยิงในชีวิต กลับกันถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้คุณอาจจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจจะตามมานิสัยที่ไร้ระเบียบของคุณเอง

7. เชื่อมั่นในตัวของตัวเอง
แทบทุกคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะมีข้ออ้างต่างๆ นานา แต่เมื่อมองดูให้ดี ข้ออ้างนั้นบางทีก็มาจากตัวของเราเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมีเรื่องราวที่พวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคได้ด้วยไอเดียการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ เมื่อได้ก็ตามที่คุณตระหนักได้ว่า ไม่มีสิ่งใดหยุดคุณจากการเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาที่ยากที่สุดได้นั่น แสดงว่าคุณเริ่มมาถูกทางแล้ว
Tucker Hughes ทิ้งท้ายว่า ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนให้เริ่มต้นด้วยการตั้งใจทำตามเป้าหมายในแต่ละวันก่อน สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาสามารถสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงก่อนการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ และพัฒนาความเข้มแข็งของจิตใจได้พร้อมๆกัน และให้จำไว้ว่าความสำเร็จไม่ใช่แค่เรื่องฉาบฉวย ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณก็ต้องลงมือทำเอง ในทุกๆวัน และทำอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิตของคุณ

เนื้อหาจากลิ้งค์ www.eduzones.com

รูปภาพ istock

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook