เยือน Museum of Failure พิพิธภัณฑ์แห่งความล้มเหลว

เยือน Museum of Failure พิพิธภัณฑ์แห่งความล้มเหลว

เยือน Museum of Failure พิพิธภัณฑ์แห่งความล้มเหลว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Museum of Failure เป็นพิพิธภัณฑ์ที่พูดถึงสิ่งที่เป็น "นวัตกรรม" ซึ่งเรามักจะโฟกัสไปที่ความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลว แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว ในการที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น เราก็ควรจะพูดถึงความล้มเหลวกันมากขึ้น


พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงรวบรวมเอาสินค้าต่าง ๆ ทั้งด้านเทคโนโลยีและอุปโภคบริโภค ที่ผู้ผลิตตั้งใจให้เป็นระดับนวัตกรรมเปลี่ยนโลก หรือกะมาพลิกยอดขายช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ บ้างก็ขาดทุนจนบริษัทเจ๊งไปเลย บ้างก็ขายไม่ออกจนต้องเลิกผลิต และบ้างก็ฮือฮาหรือพอขายได้ในระยะหนึ่ง แต่สักพักก็ล้มหายตายจากไปเพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเข้ามาแทนที่

จากแนวคิดนี่น่าสนใจมาก แต่อย่างที่เกริ่นว่าการจัดแสดงยังไม่ประทับใจเรา สถานที่เล็ก ของที่นำมาจัดแสดงยังไม่เยอะ แต่คิดว่าน่าจะจัดการพื้นที่ได้ดีกว่านี้ ของทุกอย่างเอามาโชว์ปน ๆ กัน ยังไม่มีการแยกประเภท คล้ายกับว่ามีอะไรก็เอาออกมาโชว์ไปก่อน เจ้าของเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเองพยายามจะไม่เน้นสินค้าเทคโนโลยี แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเทคโนโลยีอยู่ ซึ่งก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่มองว่าการจัดนิทรรศการยังไม่เป็นสัดส่วน ซึ่งทำให้สะดุดอยู่บ้างเวลาเดินชม (เช่น วิกฤตการเงินไอซ์แลนด์ วางอยู่ข้าง ๆ แฮมเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ที่ขายไม่ออก)



โดยรวมของทุกชิ้นที่นำมาแสดงมีเรื่องราวน่าสนใจมาก แต่การนำเสนออาจทำให้ยังไม่น่าจดจำ ของทุกชิ้นมีคำบรรยายประกอบ ซึ่งอ่านยากนิดหน่อย เพราะตัวหนังสือค่อนข้างเล็ก (ถึงขนาดมีป้ายเขียนด้วยมือติดไว้ประปรายว่า ถ้าอ่านยาก ให้มาขอ booklet ไปอ่านแทน) ข้อดีคือมีคำบรรยายทั้งภาษาสวีดิชและภาษาอังกฤษ ภาษาที่เขียนก็ออกแนวสบาย ๆ ติดตลก แต่ยังไม่ค่อยมีชั้นเชิงสักเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้เราก็เข้าใจว่ายังเป็นช่วงเปิดตัวอยู่ และช่วงนี้ทางมิวเซียมก็มีการนำของไปจัดอีเวนท์ตามเมืองต่าง ๆ ด้วย เดาว่าของที่โชว์จึงยังจัดวางแบบเคลื่อนย้ายได้ ทำให้ยังดูไม่ค่อยเรียบร้อย

แต่ส่วนที่ชอบและทำให้รู้สึกสนุกขึ้นก็คือ Failure Confession Booth หรือห้องสารภาพความพัง (คาดว่าเป็นอารมณ์เดียวกับห้องสารภาพบาปในโบสถ์) ก็คือเป็นห้องที่เตรียมกระดาษปากกาไว้ให้คนเขียนบรรยายความล้มเหลวของตัวเองลงไป แล้วก็เอามาแปะโชว์ข้างนอก เราไปยืนอ่านอยู่สักพัก ยังไม่เจออันโดน ๆ นะ สงสัยต้องไปใหม่ แต่คิดว่าต่อไปโซนนี้จะฮิตมาก (ทั้งนี้ทั้งนั้น รู้สึกว่าโซนนี้มันโดดออกมา ยังไม่ค่อยเข้ากันกับตัวนิทรรศการยังไงไม่รู้)



ส่วนตัวชอบคอนเส็ปต์มาก เพราะความห่วยเป็นอะไรที่ทุกคนเชื่อมโยงได้ (ห้องสารภาพเลยตอบโจทย์มาก) และมันปฏิวัติความเป็น "พิพิธภัณฑ์" ที่มักจะแสดงแต่ความยิ่งใหญ่ ของที่เอามาโชว์ก็ห้ามแตะต้องสัมผัส ต้องนมัสการกันประหนึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งที่นี่ในแง่นึงมันก็บูชาความล้มเหลวนั่นแหละ ซึ่งก็เป็นการคิดนอกกรอบดี (แบบเดียวกับ Museum of Broken Relationships ที่โครเอเชีย) ตอนเปิดตัวนี่ลงข่าวดังไปทั่วโลก ทั้ง BBC, The Verge, Al Jazeera และอื่น ๆ อีกมากมาย คงเพราะแนวคิดนี้ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ แต่ก็อย่างที่บอกว่ายังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกมาก เป็นเรื่องปกติของสถานที่ที่เพิ่งเปิดให้คนเข้าชม

อีกประเด็นคือบางอย่างที่นำมาโชว์ตอนนี้ก็จะเป็นของสวีเดน ซึ่งตอนนี้ทางมิวเซียมก็รับบริจาคสิ่งของที่คนคิดว่าเป็นตัวแทนความล้มเหลวจากทั่วโลกอยู่ ซึ่งก็หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกในอนาคตตอนที่ปังกว่านี้

เราใช้เวลาข้างในเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง เพราะสถานที่เล็ก และยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมาก อาจเพราะการนำเสนอที่เราเองยังไม่ค่อยอินด้วยส่วนหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าในอนาคตที่นี่จะต้องเป็นมิวเซียมอีกแห่งที่น่าจดจำ ตอนนี้สื่อใหญ่ ๆ ทั่วโลกสนใจกันมาก วันที่ไปก็มีนักข่าวจากทีวีแห่งชาติของจีนมาทำข่าว เจ้าของ (บังเอิญได้เจอแว้บ ๆ) รวมถึงสต๊าฟทุกคนก็น่ารักเป็นกันเอง จากที่ได้คุยกับหนึ่งในสต๊าฟของที่นี่ เขาก็พูดติดตลกว่าที่นี่คือที่ที่รวมทุกความห่วยเอาไว้แล้ว รวมถึงตัวฉันเองด้วย ลูกค้าหลายคนก็เขียนใน guestbook ว่า “ควรจะมีฉันอยู่ในพิพิธภัณฑ์นี้” ที่ตลกมากมือแม้กระทั่งตัวเจ้าของเอง ตอนไปจดโดเมนชื่อเว็บไซต์ ก็สะกดคำว่า
museum ผิด (เขาได้ไปสารภาพเรื่องนี้ไว้ในที่ Confession Booth ด้วย)

สรุป ที่นี่เป็นอีกมิวเซียมที่น่าสนใจมาก แต่เพิ่งเปิดใหม่จึงอาจจะยังมีความไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง ใครอยู่แถวทางใต้ของสวีเดนหรือเดนมาร์กก็ลองแวะไปได้ แต่ถ้าใครจะมาเที่ยวแถวนี้ส่วนตัวคิดว่าอาจจะยังไม่ใช่สถานที่ที่ต้องไปให้ได้ขนาดนั้น (คือถ้าบังเอิญแวะมา Helsingborg ก็แนะนำให้มา แต่ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นมาเมืองนี้เพื่อมาที่นี่) คำบรรยายมีภาษาอังกฤษให้ (มี private & group tours ด้วยจากที่ดูมาในเว็บ แต่จริง ๆ มันเล็กมาก คงไม่น่าจะต้องใช้ทัวร์) มีห้องให้ระบายความอัดอั้นในชีวิต เหมาะกับผู้ที่มีปมเรื่องความห่วย ความพังพินาศ ความผิดพลาดในชีวิตต่าง ๆ ซึ่งก็คงจะเคยเจอกันมาทุกคน ค่าเข้า 100kr ถือว่าสมเหตุสมผล เทียบกับค่าครองชีพที่นี่ เดินจากสถานีรถไฟประมาณ 15 นาที ก็ไม่ลำบากอะไร แถมได้ประสบการณ์แปลก ๆ ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook