“Home school” การศึกษาทางเลือกสำหรับเด็กที่น่าลองทำ

“Home school” การศึกษาทางเลือกสำหรับเด็กที่น่าลองทำ

“Home school” การศึกษาทางเลือกสำหรับเด็กที่น่าลองทำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับเด็กที่กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาแล้ว การศึกษาในโรงเรียนอาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะเป็นการเรียนที่มีระบบ มีเวลาเข้า-ออก ที่แน่นอนและต้องเริ่มเรียนรู้ในวิชาต่างๆ

ซึ่งอาจจะให้เด็กหาสิ่งที่สนใจไม่เจอ หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจมากที่ควร จึงมีการศึกษาทางเลือกเกิดขึ้นมาในต่างประเทศและเริ่มเข้าสู่ประเทศไทย โดยเรียกการศึกษาทางเลือกนั้นว่า Home School

istockphoto

Home School หรือ “บ้านเรียน” เป็นการศึกษาทางเลือก สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการจัดการเรียนการสอนให้ลูกด้วยตัวเอง โดยจะให้เด็กได้เรียนรู้ที่บ้านแทนการไปโรงเรียน ซึ่งพ่อแม่สามารถเป็นผู้สอนแก่ลูกได้ หรือจ้างอาจารย์ให้เข้ามาสอนที่บ้านก็สามารถทำได้เช่นกันและยังมี พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่ประกาศใช้การจัดการศึกษาโดยครอบครัวเป็นสิทธิถูกต้องตามมาตรา12 ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่รุ่นใหม่ ที่อยากให้ลูกมีความสุข ได้สนุกกับชีวิตในวัยเด็กให้เต็มที่เสียก่อน ทีนี้เรามาดูจุดเด่นที่ทำให้การเรียนแบบโฮมสคูลแตกต่างจากการเรียนที่โรงเรียนดีกว่าค่ะ

ความแตกต่างระหว่างเรียนแบบ Home School และ เรียนในระบบโรงเรียน

1. เด็กได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่มากขึ้น
สำหรับเด็กตัวเล็กๆ การที่ต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลตั้งแต่ 3-4 ขวบ คงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่พอสมควร เพราะต้องห่างจากพ่อแม่เป็นเวลานานเลยทีเดียว แต่สำหรับการเรียนแบบ Home School เด็กจะได้ใช้เวลากับพ่อแม่มากขึ้น และผู้ปกครองสามารถเห็นถึงพัฒนาการของลูกได้สม่ำเสมออีกด้วย

istockphoto

2. ได้ค้นหาสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่สนใจ
ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายของการเรียนแบบโฮมสคูลเลยก็ว่าได้ การที่เด็กได้ใช้เวลาในการลองทำสิ่งต่างๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ที่ปกครองหามาให้ จะทำให้รู้ตัวเองได้เร็วขึ้นเช่น สังเกตได้ว่าลูกชอบ “วาดรูป” ผู้ปกครองก็สามารถสนับสนุนในเรื่องนี้เป็นพิเศษอย่างการ พาไปดูนิทรรศการบ่อยๆ พาไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น แต่ “ไม่ใช่” การบังคับว่าเด็กต้องเรียนแบบนี้ ต้องชอบแบบนี้ การเรียนโฮมสคูลจะต้องให้เด็กได้ “ค้นหา” สิ่งที่สนใจและมีผู้ปกครองคอยสนับสนุนให้ดีที่สุด ซึ่งอาจจะแตกต่างกับการเรียนแบบโรงเรียน ที่มีเด็กนักเรียนมากมาย การเรียนการสอนก็จะเป็นการให้ทำแบบภาพรวม ซึ่งเด็กอาจจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ตนชอบได้อย่างเต็มที่

istockphoto

3. ใช้เวลาเรียนรู้ได้เต็มที่
เวลาในการเรียนแบบโฮมสคูลจะไม่จำกัดเหมือนการเรียนที่โรงเรียน ผู้ปกครองสามารถพาเด็กไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน สมมติว่าเด็กมีความสนใจเรื่อง ดอกไม้ อาจจะพาไปสวนดอกไม้และแนะนำให้เขาได้รู้จักกับดอกไม้แต่ละชนิด เป็นต้น ซึ่งเป็นการให้เด็กได้ “ซึมซับ” ความรู้แบบธรรมชาติ แทนการ “ท่องจำ”

istockphoto

เห็นความแตกต่างของการเรียนแบบ Home School และ การเรียนที่โรงเรียนไปแล้ว จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของโฮมสคูลคือ “การให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ” เมื่อโตขึ้นเขาจะรู้ว่าตัวเองชอบทำอะไร หรือ มีความสนใจที่จะเรียนรู้ในสิ่งไหนนั่นเองค่ะ ซึ่งการจะทำการเรียนแบบโฮมสคูลได้ “ผู้ปกครอง” จะต้องเข้าใจในเรื่องการทำโฮมสคูล มีการวางแผนถึงการสอนให้เข้าใจตรงกันและยังต้องสังเกตถึงพัฒนาการของเด็กว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนด้วยค่ะ

ที่สำคัญสามารถ จดทะเบียนการศึกษาโดยครอบครัวตามเขตพื้นที่การศึกษาที่อาศัย อยู่ได้ด้วยนะ โดยการทำโฮมสคูลสามารถทำได้ตั้งแต่ระดับ “อนุบาล จนถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6” (ส่วนมากจะทำในช่วงอนุบาลและประถม) ซึ่งทางผู้ปกครองจะต้องเตรียมหลักสูตรการเรียนการสอน และแบบการประเมินผล กับทางเขตการศึกษาเพื่อการพิจารณาและเมื่อเด็กสามารถเรียนผ่านหลักสูตรได้ ทางเขตก็จะออกใบประกาศที่สามารถนำไปยื่นตามโรงเรียนต่างๆได้ค่ะ

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากใช้เวลาเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก และสอนสิ่งต่างๆให้เขาด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ควรที่จะละเลยในการพาลูกไปรู้จักเด็กในวัยเดียวกัน เพราะการเข้าสังคมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน แต่หากผู้ปกครองคนไหนที่ไม่มีเวลาที่สามารถทำการเรียนการสอนด้วยตัวเอง การพาลูกเข้าโรงเรียนก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วค่ะ เพราะเด็กๆจะอยู่ในความดูแลของคุณครู เอาเป็นว่าเลือกตามความเหมาะสมดีกว่าเนอะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook