รู้จัก "เจ้าพระยาวิชเยนทร์" บุคคลในประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา

หลังละครที่จบไปหมาดๆ หลายๆ คนคงสงสัยว่า "เจ้าพระยาวิชเยนทร์" หรือ "คอนสแตนติน ฟอลคอน" เป็นคนอย่างไรกัน

วันนี้ Sanook Campus จะพามาศึกษาประวัติศาสตร์ไปพร้อมกันว่าที่ไปที่มาของ "เจ้าพระยาวิชเยนทร์"

"เจ้าพระยาวิชเยนทร์" (คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นฝรั่งเชื้อสายกรีกผสมอิตาเลียน ฟอลคอนเข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ที่ผจญภัยมากับเรือสินค้าทำการค้ามาเรื่อยๆ จนมามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เรียกได้ว่าเป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทมากในการเมืองไทยสมัยนั้น

ด้วย "เจ้าพระยาวิชเยนทร์" สามารถพูดได้หลากหลายภาษาเป็นเลิศทางการทูต จนได้มาเข้ารับราชการกับเจ้าพระยาพระคลัง (โกษาเหล็ก) ในหน้าที่การเป็นล่ามนั่นเอง 

เจ้าพระยาวิชเยนทร์ ได้สมรสกับ ดอญา มารี กีมาร์ หรือ "ท้าวทองกีบม้า" ที่มีชื่อเสียงทางด้านขนมไทยและประดิษฐ์ขนมไทยหลากหลายชนิด

เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมัยสมเด็จพระนารายณ์รุ่งเรืองมากในเรื่องของการค้าขายกับต่างประเทศทั้งสินค้า อาวุธที่ทันสมัย และกำลังสำคัญในการรบ ทำให้ "เจ้าพระยาวิชเยนทร์" กลายเป็นคนสนิทของสมเด็จพระนารายณ์คนหนึ่งเลยทีเดียว หลักฐานทางประวัติศาสตร์มีบ้านของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ คือ บ้านวิชาเยนทร์ หรือบ้านหลวงรับราชทูต ที่ จ.ลพบุรี อีกด้วย

และมีข่าวลือว่าเจ้าพระยาวิชเยนทร์ต้องการใช้อิทธิพล รวมทั้งองค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดและเข้ามาเป็นผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง ซึ่งแม้เหตุดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็เป็นข้ออ้างให้พระเพทราชาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่พอใจกับนโยบายด้านต่างประเทศที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติมาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมาย

ในรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชา เจ้าพระยาวิชเยนทร์ ก็กลายเป็นบุคคลแรกๆ ที่โดนประหารชีวิตและผู้ติดตามรวมถึงราชนิกุลองค์ต่าง ๆ  อีกด้วย กลายเป็นเหตุผลที่ส่งผลให้เกิดการขับไล่ชาวต่างชาติแทบทั้งหมดออกจากราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา 

ซึ่งเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ได้เสียชีวิต ด้วยอายุเพียง 40 ปีเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์ เป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทในสมัยอยุธยาไม่น้อยเลยทีเดียวคนหนึ่ง 

เป็นอีกหนึ่งคนในหน้าประวัติศาสตร์ที่ตอนนี้ต่างมีคนสนใจกันเป็นอย่างมาก จากกระแสละครดังอย่าง "บุพเพสันนิวาส" ทำให้ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ เป็นตัวละครอีกหนึ่งคนที่มีความลึกลับ และน่าค้นหาเป็นอย่างมาก ซึ่งในละครนั้นรับบทโดย "หลุยส์ สก๊อต" นั่นเอง