วิธีรับมืออาการ "เป็นประจำเดือนในช่วงสอบ" ปัญหาผู้หญิงที่หลายคนเคยเจอ

ทำยังไงดี เป็นประจำเดือนในช่วงสอบ ช่วงสอบเรียกได้ว่าเครียดอยู่แล้ว จะปัญหานี้ด้วยยิ่งเครียดคูณสอง ต้องจัดการอย่างไร?

istockphotoวิธีรับมืออาการ เป็นประจำเดือนในช่วงสอบ ปัญหาผู้หญิงที่หลายคนเคยเจอ

ประจำเดือน คือสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ เพราะมันเป็นธรรมชาติของร่างกาย ที่ผู้หญิงจะต้องเป็นในทุกๆ เดือน ยิ่งกับสาวๆ ในวัยเรียนแล้วด้วย การ เป็นประจำเดือนในช่วงสอบ ถือว่าเป็นปัญหาสุดปวดหัวที่สาวๆ หลายคนไม่อยากเจอกันเลยทีเดียว แต่ถึงไม่อยากจะเจอยังไง แต่เราก็ห้ามธรรมชาติกันไม่ได้นี่นา ดังนั้นการหาวิธีรับมือจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ดังนั้น Sanook! Campus จึงได้รวบรวมเคล็ดลับ วิธีรับมืออาการ เป็นประจำเดือนในช่วงสอบ มาให้เพื่อนๆ ได้ไปเตรียมตัวกัน สอบครั้งต่อไป จะได้สบายๆ

• จัดการอาการข้างเคียงที่มากับประจำเดือน

เพราะการเป็นประจำเดือนนั้นมักมาพร้อมอาการต่างๆ อย่างเช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง ดังนั้นการกินยาแก้ปวดก็สามารถช่วยลดอาการไม่สบายตัว ที่มาจากประจำเดือนได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญควรเลือกยาแก้ปวดชนิดที่ กินแล้วไม่ง่วงด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะรู้สึกง่วงจนหลับในห้องสอบ หรือไม่ก็หลับคาหนังสือระหว่างการติวแน่นอน ยังไงก็ตามก่อนที่จะเลือกใช้งาน ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ทราบว่ามีประวัติที่ห้ามกินยาหรือไม่

• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ช่วงที่มีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ร่างกายของเราอ่อนแอและอ่อนเพลียได้ง่ายมากที่สุด ดังนั้นการนอนหลังให้เพียงพอ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากๆ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวได้เต็มที่ สมองมีแรง รู้สึกปลอดโปร่ง พร้อมสอบอีกด้วย

• ปรับอารมณ์ให้สดใสเอาไว้ อย่าเครียด

ช่วงที่มีประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายของเราจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และไปรวมกับความเครียดจากการสอบอีก เมื่อมารวมกันอาจจะส่งผลทำให้อาจทำให้ประจำเดือนเลื่อนหรือขาดไปได้

• อาบน้ำอุ่น

การอาบน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการปวดเมื่อย และทำให้เราสมองโล่งปลอดโปร่งและรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ ซึ่งการอาบน้ำอุ่นสามารถอาบแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแช่น้ำในอ่าง หรืออาบจากฝักบัวก็ได้เหมือนกัน

• ออกกำลังกาย

การเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการออกกำลังกาย อยากเดิน หรือวิ่ง จะมีส่วนช่วย ทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ซึ่งจะทำให้ร่างกายหลั่งเอ็นโดรฟิน ลดอาการปวดตัว และไม่สบายตัวในช่วงมีประจำเดือนได้ ช่วงอยู่ที่บ้านลองหาเวลาว่างๆ ออกกำลังกายง่ายๆ ซัก 15-20 นาทีก็ช่วยได้เหมือนกัน