อนามัยโลกเผย วัยรุ่นไทย ท้องในวัยเรียน อันดับที่ 2 ของอาเซียน

อนามัยโลกเผย วัยรุ่นไทย ท้องในวัยเรียน อันดับที่ 2 ของอาเซียน

อนามัยโลกเผย วัยรุ่นไทย ท้องในวัยเรียน อันดับที่ 2 ของอาเซียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ล่าสุดทางอนามัยโลกได้เผยถึงสถิติใหม่ของการตั้งครรภ์ของหญิงสาวในวัยรุ่น อายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งประเทศไทยติดที่อันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่อยู่อันดับ 1 นั่นเอง

ทั้งนี้จำนวนการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นไทยอยู่ที่ 42.5 คน ต่อวัยรุ่น 1,000 คน คิดเป็นร้อยละ 16.8 ซึ่งเรียกว่าต่ำลงมาจากช่วงปี 2556 ที่ตั้งครรภ์อยู่ที่ 74 คน ต่อวัยรุ่น 1,000 คน แต่อย่างไรก็ตามจำนวนเด็กท้องในไทยลดลงแต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

istock-957846748

ถึงแม้ว่าไทยจะมี พรบ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 แต่จากการสำรวจพบว่า พรบ.ฉบับนี้กลับแทบไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงในระดับโรงเรียน เพราะส่วนมากหลังที่เกิดปัญหาแล้วทางโรงเรียนก็จะเชิญคุณแม่วัยรุ่นให้ออกจากสถานศึกษาไป ไม่ตรงตามเนื้อหาของ พรบ. ที่ระบุว่า

มาตรา 5 วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเองและมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ได้รับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติและได้รับสิทธิอื่นใดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ

istock-1031366602

มาตรา 21 ในกรณีที่ปรากฏว่าสถานศึกษา สถานบริการ สถานประกอบกิจการ หรือหน่วยงานของรัฐไม่ดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นตามที่กําหนดในพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการแจ้งต่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น เพื่อให้มีการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

หลังการประกาศใช้ พรบ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 ก็ได้เกิดกระแสตีกลับโดยมากมีเนื้อหาเชิงลบ อย่างการกล่าวว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้เกิดพฤติกรรมท้องเลียนแบบในหมู่วัยรุ่น บ้างก็กล่าวว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะทำให้ความยับยั้งช่างใจของเด็กลดลง

istock-968086434

แต่อย่างไรก็ตามแม่วัยใสที่ต้องออกจากสถานศึกษาเพราะความไม่รู้แล้ว ยังมีแม่วัยใสอีกไม่น้อยที่ยังต้องพ้นจากระบบการศึกษาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนมีสิทธิตามกฎหมาย เพราะถูกกดดันจากสถานศึกษาให้ลงชื่อลาออก ซึ่งสามารถร้องเรียนไปยัง ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สพฐ. ได้ โดยโรงเรียนที่ไม่เคารพสิทธิในการศึกษาต่อมีความผิดตามมาตราที่ 21 และต้องแก้ไขให้เป็นไปตามที่พ.ร.บ.กำหนด

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook