อยากมีชีวิตที่ “Work-Life Balance” ต้องทำอย่างไร?

อยากมีชีวิตที่ “Work-Life Balance” ต้องทำอย่างไร?

อยากมีชีวิตที่ “Work-Life Balance” ต้องทำอย่างไร?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้ เรามักจะได้ยินคำว่า “Work-Life Balance” กันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะกับคนทำงานรุ่นใหม่ที่มองว่า “งาน” ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพราะชีวิตส่วนตัวก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จึงต้องการให้ชีวิตเกิดความสมดุล ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

ถ้าอยากจะมีชีวิตที่ Work-Life Balance ต้องทำอย่างไร Tonkit360 มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกัน

1.ไม่ต้อง “เป็นทุกอย่าง” ให้คนอื่น

อย่าพยายามทำหรือเป็นทุกอย่างให้กับทุกคน แต่ให้ทำในสิ่งที่คุณถนัดและทำได้ดีที่สุดก่อน เพราะใช่ว่าทุกคนจะเก่งได้ทุกเรื่อง หากสิ่งใดเกินความสามารถของตนเอง ก็ควรมอบหมายให้ผู้อื่นที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ ทำ แทนที่จะเหมามาทำเองทั้งหมด

2. จัดลำดับความสำคัญของงาน

เริ่มด้วยการลิสต์งานที่ต้องทำออกมาก่อน แล้วจัดลำดับความสำคัญของงานว่าอยู่ในหมวดใด (1.งานเร่งด่วนและสำคัญ 2.งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน 3.งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ 4.งานไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ) เพื่อจะได้รู้ว่างานชิ้นไหนควรทำก่อนหรือหลัง

3. รู้ว่าช่วงเวลาใดทำงานได้ดีที่สุด

ส่วนใหญ่แล้ว ช่วงเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่ง และพร้อมทำงานมากที่สุดสำหรับมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย ดังนั้น จึงควรทำงานที่ยากที่สุด หรือต้องการสมาธิจดจ่อมากที่สุดในช่วงเช้า เพราะหากสมองแล่น ก็ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. กำหนดเวลาทำงาน และทำให้ได้

หากมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะใช้ชีวิตแบบ Work-Life Balance ก็ควรกำหนดชั่วโมงทำงานให้ชัดเจน ทั้งเวลาเข้างาน-เลิกงาน แต่ที่สิ่งสำคัญไปกว่านั้น คือคุณต้องมุ่งมั่นทำงานให้เสร็จภายในกรอบเวลาที่ตัวเองกำหนดไว้ด้วย เพื่อจะได้ไม่ทำงานเกินเวลา

5. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

ทุกวันนี้ การประชุมแบบ VDO Conference ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่หลายคนต้องทำงานอยู่บ้าน ซึ่งประสิทธิภาพในการสื่อสารก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั่งประชุมในห้อง เพราะมีแอปฯ VDO Calling ที่สามารถเห็นหน้าผู้ประชุมพร้อมกันได้ จึงช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook