ลดทิฐิ ปรับความเข้าใจ ก่อนเสียกันไปเพราะทะเลาะกัน

ลดทิฐิ ปรับความเข้าใจ ก่อนเสียกันไปเพราะทะเลาะกัน

ลดทิฐิ ปรับความเข้าใจ ก่อนเสียกันไปเพราะทะเลาะกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขึ้นชื่อว่าเป็น “แฟน” กัน เป็นไปไม่ได้ที่จะหวานชื่นตลอดเวลา เข้ากันได้ทุกเรื่อง หรือไม่เคยโต้เถียงเรื่องอะไรกันเลย ในช่วงรักโปรโมชัน โลกเป็นสีชมพู การทะเลาะกันอาจจะยังไม่ปรากฏชัดเจน แต่พอคบกันไปเรื่อย ๆ สักพัก ต่างคนต่างก็เริ่มที่จะเห็นข้อเสียของกันและกันมากขึ้น อะไรที่เคยไม่พอใจแล้วเก็บไว้ในช่วงยังไม่พ้นโปร เริ่มถูกขุดออกมาพูดมาใส่อารมณ์ใส่กัน และแสดงความเป็นตัวเองออกมามากขึ้นจนแทบจะไม่แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้ว

ทั้งที่ความจริงแล้ว ยิ่งคนเราอยู่ใกล้กัน ยิ่งต้องใส่ใจความรู้สึกกันให้มาก เพราะคงไม่มีใครที่จะทนความเย็นชา เมินใส่หรือละเลยโดยที่ไม่รู้สึกอะไร “ความน้อยใจ” และ “ไม่ใส่ใจ” สามารถทำลายความสัมพันธ์ของคนสองคนได้ และอาจจะพรากคนคนนั้นจากเราไป

ไม่ว่าจะมือใหม่หัดรัก หรือคู่รักที่รักกันมานานแล้ว คงรู้ดีว่าความขัดแย้งแต่ละครั้งเสียทั้งเวลา เสียพลัง เสียสุขภาพจิต เสียความรู้สึก เสียใจ และอาจเสียกันไป ฉะนั้น จะดีกว่าไหมหากจะปรับความเข้าใจกันแบบประนีประนอมในทุก ๆ ครั้งที่เห็นไม่ตรงกัน ลดทิฐิ ลดการวางฟอร์ม ลดความเอาแต่ใจ ลดความอยากเอาชนะลงมา รักนี้จะได้ไปต่อได้แบบเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น

รู้จักที่จะยอมรับความผิดของตัวเอง

คู่รักหลายคู่มีปัญหากันบ่อยครั้ง เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง ซึ่งถ้าถามว่ารู้ไหมว่าตัวเองผิด หลายคนรู้ดี แต่ก็ฟอร์มจัด ไม่ยอมรับผิด และปากหนักไม่ยอมขอโทษก่อน ส่วนอีกฝ่ายก็งอนเก่ง เขาไม่ง้อก็ยิ่งพาลไปกันใหญ่ ไม่ยอมลดราวาศอกกันแบบนี้จะเข้าใจกันได้อย่างไร เอาเป็นว่าถึงจะงอนก็งอนพอหอมปากหอมคอ คนที่ผิดก็แค่ยอมรับว่าตัวเองผิด เลิกตั้งแง่ใส่กัน และอย่าตึงนานข้ามวัน รีบเคลียร์ รีบจบ รีบขอโทษ ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดคำว่าขอโทษ

ที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด ก็เพราะไม่อยากจะพูดคำว่า “ขอโทษ” กลัวจะเสียศักดิ์ศรี กลัวจะแพ้ เขินอาย ฟอร์มจัด ทั้งที่คำนี้ไม่ได้พูดยาก และ “ขอโทษ” คำเดียว สามารถทำให้คนที่กำลังโกรธเย็นลงได้ทันที ทำให้สถานการณ์และบรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเยอะ ยิ่งถ้าตัวเองผิดเต็มประตู ก็อย่าลังเลที่จะพูด คิดถึงความรู้สึกคนตรงหน้าให้มาก บางสถานการณ์การกระทำไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ถ้ารู้สึกผิด สำนึกแล้ว ก็พูดออกมาให้ชัดเจน

ยอมรับข้อบกพร่องของอีกฝ่าย

ไม่มีใครที่จะดีหรือสมบูรณ์แบบหรอก แต่ละคนต่างก็มีข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าตัดสินใจที่จะคบคนคนนี้แล้วก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน แน่นอนว่าไม่ต้องถึงขั้นที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ปรับให้มันลงล็อก อะไรที่พอจะปล่อยผ่านได้ก็ยอมรับในตัวตนของเขา และอย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว อีกฝ่ายไม่รู้หรอกว่าเราไม่พอใจ ที่สำคัญเวลาทะเลาะกัน อย่าดูถูกค่อนขอดข้อเสียของอีกฝ่ายให้เสียความรู้สึก ในเมื่อเลือกที่จะยอมรับกันแล้ว

เคลียร์กันให้ชัดเจนอยู่เสมอ

อย่าโกรธและปล่อยให้ไม่ชัดเจนนานข้ามวัน ไม่เข้าใจกันต้องเคลียร์ พูดคุยกันให้รู้เรื่อง อย่าหนีปัญหา อย่ากลัวการเผชิญหน้า ลดทิฐิมาคุยกัน โต ๆ กันแล้ว ในเมื่อคบกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวที่จะสื่อสารกันให้เข้าใจตรงกันและชัดเจน จะได้ไม่เก็บไปคิดเองเออเองเตลิดเปิดเปิงไปไกล ไม่เช่นนั้นความคลุมเครือก็เหมือนกับระเบิดเวลาที่รอทำงาน แต่ถ้ากำลังเดือดจัด ให้หลบมาสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน ค่อยคุยกันหลังอารมณ์เย็นลงแล้ว

อ่อนข้อให้กันบ้าง เลิกคิดเล็กคิดน้อย

ปัญหาอีกอย่างของคู่รัก คือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือทั้งคู่) เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย อะไรต่ออะไรก็เก็บมาคิด จริงจังซีเรียสไปทุกเรื่อง ไม่มีการยืดหยุ่นใด ๆ พอไม่ได้ดั่งใจก็หาเรื่องชวนทะเลาะ แล้วก็ต้องชนะในการทะเลาะครั้งนี้ด้วย คืออะไรที่มันเล็กน้อยแล้วเราไม่ได้เดือดร้อนก็ผ่อนปรน ปิดตาข้างหนึ่งบ้างก็ได้ คบกันแบบประนีประนอม ไม่ต้องอยากเอาชนะไปซะทุกเรื่อง ให้อภัยให้โอกาสในเรื่องไม่เป็นเรื่อง จะช่วยให้ความสัมพันธ์มั่นคงขึ้น

ถ้ากำลังโมโหให้ถอยก่อน

เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่กำลังมีน้ำโห และความรู้สึกกำลังมาคุได้ที่ แล้วหูจะไม่เปิดเพื่อรับฟังอะไรที่อีกฝ่ายกำลังพูดทั้งนั้น หูไม่ฟังไม่พอยังปากไวพูดไม่คิดด้วย ในเมื่อรู้ว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ การกระทำ และคำพูดไม่ได้เวลาโกรธ ก็อย่าเพิ่งพูดอะไรในตอนนั้น ถอยไปสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน คนตรงหน้าคือคนที่เราแคร์ ฉะนั้น อย่าให้พฤติกรรมขาดสติของเราไปทำร้ายความรู้สึกให้เขาเสียใจ พอเย็นลงแล้วตัวเราเองก็อาจจะเสียใจเหมือนกัน

เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

คนเราอายุมากขึ้นทุกวัน และยิ่งคบกันนานวันเข้า ก็เริ่มที่จะมองอนาคตร่วมกันด้วยเช่นกัน แต่ถ้าตลอดเวลาที่คบกันต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่รู้จักโต ทะเลาะ งอน ง้อ วนเป็นวงจรอยู่แบบนี้ ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเป็นคนรักแบบผู้ใหญ่ คือเขาต้องพร้อมที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน มีเป้าหมายร่วมกัน มีอนาคตร่วมกัน และไม่ทิ้งใครไว้ตราบเท่าที่ยังรักกันอยู่ ที่ผิดพลาดก็เป็นบทเรียน ปรับความเข้าใจ เรียนรู้กันไป ถึงจะไปด้วยกันรอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook