วิเปเปอร์เจ้าชายรัตติกาล ตอนที่1

วิเปเปอร์เจ้าชายรัตติกาล ตอนที่1

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บทนำ

เคยมีหลายบรรพบุรุษกล่าวขานสืบต่อกันมาเป็นทอดๆเกี่ยวกับเรื่องราวของ แวมไพร์ ว่าแวมไพร์เป็นครึ่งผีครึ่งมนุษย์ หรือที่รู้จักกันในนาม นักล่าแห่งรัตติกาล หรือผีดูดเลือด มีพละกำลังมหาศาลยากที่จะต้านทานได้ ไร้ความรู้สึก ไร้จิตสำนึก จิตใจเย็นชา ร่างกายขาวซีดไร้ซึ่งชีวิตชีวา สิ่งที่จะทำให้แวมไพร์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ก็คือ เลือด

แวมไพร์เกิดมาเพื่อฆ่า มันไม่เป็นมิตรกับเผ่าพันธุ์อื่น สิ่งที่เผ่าพันธุ์แวมไพร์ต้องการ คือการสร้างเผ่าพันธุ์บริวารให้มากขึ้น หลายเผ่าพันธุ์จึงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนให้รอดจากการเป็นบริวารของพวกแวมไพร์ แต่ทว่าหากไม่มีอำนาจต้านทานแรงของแวมไพร์ได้ จำยอมต้องตกเป็นบริวารของแวมไพร์โดยไม่อาจแย้งได้โดยปริยาย

ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไร้ซึ่งแสงแดด มีเพียงความเงียบ กับบรรยากาศโดยรอบ ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมพื้นที่แห่งนี้ อเตวา ชื่อที่เหล่าแวมไพร์ต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี พุ่มไม้เตี้ยๆ สั่นไหว ไปตามแรงเคลื่อนไหว เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขี้ยวแหลมคมริ้มรสอาหารชั้นดี

เหยื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายใดใดได้ ทำได้เพียงแค่ รอเวลาที่ตนเองจะต้องตาย อยากที่จะตะเกียกตะกาย ให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ก็ทำได้เพียงแต่คิด จนในที่สุดก็ไม่อาจควบคุมสติของตนได้ ความกลัวของมนุษย์ช่างเป็นจุดอ่อนเหลือเกิน

ตรอกเล็กๆที่มีข้าวของทิ้งกระจัดกระจายอยู่บริเวณรอบ แวมไพร์หนุ่มในชุดคลุมสีดำ ดวงตาเป็นประกายเข้ม จ้องมองแวมไพร์สาวที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ

ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ เอลิซาห์ ว่าไม่ให้ดูดเลือดพวกมนุษย์ เจ้าไม่คิดที่จะเชื่อฟังข้าเลยใช่ไหม แวมไพร์หนุ่มตวาดเสียงดัง

ท่านบ้าไปแล้วเหรอ รูเฟียรัส ไม่ดูดเลือดแล้วเราจะกินอะไรเป็นอาหาร ข้าไม่เข้าใจความคิดของท่าน ทำไมท่านต้องห้ามข้าด้วย แวมไพร์สาวตวาดกลับ

มันต้องมีทางอื่นสิ เอลิซาห์ มันต้องมีหนทางอื่นสิ ข้า แวมไพร์หนุ่มเดินตรงไปยังมุมตึก หยุดการสนทนา ก่อเกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง

ท่านอ่อนแอเหลือเกิน รูเฟียรัส ท่านมันอ่อนแอ แวมไพร์หนุ่มเคลื่อนตัวด้วยความว่องไหวเข้าประชิดบีบที่คอเอลิซาห์จนร่างหล่อนกระเด็นไปชนเข้ากับพนังกำแพงบริเวณตรอกเล็กแห่งนั้น

ข้า ไม่ ได้ อ่อนแอ รูเฟียรัสเสียงเข้ม เอลิซาห์ก้าวเท้าเพื่อจะแก้แค้นแต่รูเฟียรัสไม่รอให้เป็นเช่นนั้น แวมไพร์หนุ่มพุ่งทยานขึ้นสู่กำแพงตรงตรอกเล็กๆกระโดดสับเปลี่ยนจุดยืน จนขันไปอยู่ที่ยอดอาคาร เอลิซาห์ได้แต่มองตามเพราะหล่อนคิดว่า แม้หล่อนจะตามไปหล่อนต้องเจ็บตัวเสียเปล่าๆ หล่อนได้แต่ยืนมองรูเฟียรัสที่ยืนนิ่งอยู่บนยอดดึกที่สูงแล้วก็คำรามเสียงดังออกมา

ลำธารที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์สายเล็กๆ ห่างจากลำธารไปไม่ไกลนัก มีหมู่บ้านที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณสิบครัวเรือนเป็นบ้านหลังน้อยใหญ่อยู่กันกลุ่ม ยังมีอีกบ้านหลังหนึ่งที่ถูกปลูกให้ห่างจากบ้านหลังอื่นๆ หญิงชราเดินย่างกรายอย่างเชื่องช้า ในมือของหล่อนถือถังมาสองใบเป็นถังน้ำใบเก่าๆ สภาพการแต่งตัวของหล่อนไม่แตกแตกจากคนที่มีสถานะยากจน หล่อนอาศัยอยู่บ้านหลังนี้โดยเพียงลำพัง ไร้ซึ่งญาติมิตร

ความเดียวดายก็ไม่อาจจะอยู่กับหล่อนไปได้นาน เสียงเด็ก หญิงชรารีบวิ่งไปตามต้นเสียงนั้น หล่อนตื่ความเอ็นดู เจ้าหนูนี่เป็นลูกใครกันนะ หล่อนมองไปยังบริเวณรอบๆแต่ไร้ซึ่งวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากตัวหล่อน เด็กทารกยังคงร้องไม่หยุด หยุดร้องเถอะนะเจ้าหนู สงสัยเจ้าคงจะหิวมากสินะ

บ้านหลังเล็กๆจนจะเรียกว่ากระท่อมได้ หญิงชรากำลังตั้งใจที่จะชงนมให้ทารกน้อยที่หล่อนเจอเข้า ใครนะ ช่างใจร้ายซะจริง มีลูกก็แทนที่อยากจะเลี้ยง กับมาทิ้งเอาไว้แบบนี้ เฮ้อ หล่อนบ่นพึมพำพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินไปหยิบแก้วที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ที่วางอยู่ตรงตู้เก่าๆ พร้อมกับเทนมที่ชงใส่แก้วนั้น หล่อนเดินไปยังทารกน้อยที่ยังคงร้องไม่หยุด มาแล้วๆ หญิงชราอุ้มทารกน้อยขึ้นมาอุ้มที่อก พร้อมกับป้อนนมให้ทารกน้อยจนเสียงร้องนั้นก็หายไป ทารกรีบดื่มนมจนสำลัก หญิงชราถึงกับตกใจ รีบจับทารกขึ้นพาดที่บ่าทันที

สงสัยจะหิวจริงๆ หล่อนลูบหลังทารกเบาๆด้วยความเอ็นดู

ก๊อก ก๊อก มีใครอยู่ไหม ไร้เสียงตอบรับกลับมา หญิงชราเลยเคาะประตูอีกครั้ง ก๊อก ก๊อก มีใครอยู่ไหมจ๊ะ แล้วประตูนั้นก็ถูกเปิดออกโดยหญิงสาววัยกลางคน สีหน้าของหล่อนไม่บอกบุญเอาซะเลย มีอะไรค่ำๆมืดๆแบบนี้ยายเถ่าโฮห์ม หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยขึ้นน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก หญิงชรากวาดสายตามองไปรอบบริเวณภายในบ้านของหล่อน เออ คือ หล่อนพูดยังไม่ทันพูดจบก็ถูกแทรกขึ้น อะไรยาย มาเออๆอาๆรีบๆพูดมาสิ คนจะหลับจะนอน ยิ่งค่ำๆมืดๆแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีแวมไพร์อยู่แถวนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ พูดแล้วขนลุกเลยเนี้ย หญิงสาววัยกลางคนกวาดสายตาออกไปนอกเขตบริเวณบ้านของหล่อนด้วยความหวาดระแวง แม่ซาฟา ฉันต้องการเศษผ้าสักเล็กน้อย พอจะมีให้ฉันได้บ้างไหมจ๊ะ

เศษ ผ้า ยายจะเอาไปทำไม ซาฟาทำสีหน้าสงสัยใคร่อยากจะรู้คำตอบ

ยายเถ่าโฮมห์เงียบทำสีหน้าคุ้นคิดว่าเธอจะบอกความจริงดีหรือไม่ว่าจะนำเศษผ้านั้นไปทำอะไร คืออย่างนี้นะ เสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่ มันเริ่มเก่า พอเก่าแล้วมันก็ขาด ฉันก็เลยว่าจะเอาไปปะมันสักหน่อย พอให้ใช้การได้เหมือนเดิม ซาฟาฟังเหมือนจะเข้าใจที่ยายเถ่าโฮห์มขอ ได้ๆงั้นยายรออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ แล้วซาฟาก็ปิดประตูปล่อยให้ยายเฒ่าโฮห์มยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านของหล่อน

ลมเย็นๆกระทบที่ใบหน้าของหญิงชรา หล่อนกระชับเสื้อเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายไมนานซาฟาก็เปิดประตูเพื่อเอาเศษผ้าที่หล่อนขอออกมาให้

ขอบใจนะแม่ซาฟา ยายเฒ่าโฮห์มมองเศษผ้าในมือ ใบหน้าหล่อนปรากฏความดีใจ

ไม่เป็นไร เศษผ้าแค่นี้ บ้านฉันมีเยอะ ฉันไปดูลูกสาวฉันก่อนนะ ร้องไห้ใหญ่แล้ว หลังจากที่ซาฟาปิดประตูบ้าน ปล่อยให้หญิงชรายืนอยู่กับความเงียบอีกครั้ง เสียงหมาป่าเริ่มเห่าหอนบริเวณในป่าลึก หล่อนเริ่มใจเต้น รีบก้าวขาเดินเพื่อไปยังจะที่ที่เธอจะปลอดภัย จากภัยอันตรายที่ไม่รู้ว่าจะมารูปแบบใด และเกิดขึ้นตอนไหนหล่อนไม่อาจทำได้ ที่ทำได้ตอนนี้ หล่อนต้องทำให้ตัวเองปลอดภัยให้มากที่สุด เพื่อตัวหล่อนเอง และทารกที่หล่อนเก็บมาจากริมลำธาร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook