ไฟสิเน่ห์หา

ไฟสิเน่ห์หา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตอนที่1

...อดีตที่ผันผ่าน เนิ่นนานผ่านพ้น...

...มิอาจลบเลือน ยังเตือนตน...

...ให้เจ็บร้าว สับสนเรื่อยมา...

ธารานั่งมองภาพครอบครัวที่ถ่ายร่วมกันในงานวันเกิดเมื่อหกปีก่อน แม่ของเธอยังคงนั่งมองเธอด้วยแววตาที่อบอุ่นตอนนั้นธาราคิดว่าในชีวิตนี้ของเธอคงจะมีความสุขตลอดไป... เพราะครอบครัวที่เพียบพร้อมจนเธอรู้สึกว่าไม่ต้องการสิ่งใดอีกแต่ทุกสิ่งอย่างบนโลกล้วนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน หลังจากงานวันนั้นอีกเพียงสองวัน สวรรค์ก็ได้พรากแม่ที่เธอรักที่สุดไปอย่างไม่มีวันหวนคืน...น้ำตาแห่งความคิดถึงเริ่มไหลรินอีกครั้ง

"คุณแม่ขา... ธารคิดถึงแม่จังเลยค่ะ..." น้ำเสียงสั่นเครือปนเสียงสะอื้น ราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา แม้ว่าปีนี้ธาราจะอายุย่างเข้า 23 แล้ว แต่เพราะการเลี้ยงดูดุจไข่ในหิน จึงทำให้หญิงสาวมีนิสัยไม่ยอมโตเสียทีน้ำตาที่ไหลรินหยดแล้วหยดเล่าราวกับหยาดฝนมันถูกกลั่นมาจากความคิดถึง และความน้อยใจ

...น้อยใจหรือ... ใช่แล้ว คงเป็นเช่นนั้น เธอกำลังน้อยใจในโชคชะตาอันแสนโหดร้ายของเธอ เพราะหลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตไปได้ไม่นานถึงครึ่งปี พ่อของเธอก็พา "โฉมจันทร์" เพื่อนร่วมงานของพ่อเข้ามาแนะนำให้รู้จักกับเธอ ครั้งแรกธาราคิดว่าโฉมจันทร์จะเข้ามาทำความรู้จักในฐานะคนรู้จักธรรมดา แต่หากประโยคแนะนำต่อมาจากปากของพ่อเธอในวันนั้น...

"รู้จักน้าโฉมจันทร์ซิลูก" ธาราในวันนั้นยกมือประนมไหว้โฉมจันทร์อย่างนอบน้อม "ต่อไปน้าโฉมจะเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้กับเรา ในฐานะแม่ใหม่ของลูก" หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของผู้เป็นพ่อ ธาราหัวใจแทบหยุดเต้น รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าหวาน ดวงตาคุ่งามเริ่มมีน้ำตาคลออยู่

"คุณพ่อว่ายังไงนะคะ ธารไม่เข้าใจ" เธอเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ... แม่ใหม่หรือ?...ใจของธาราภาวนาให้ประโยคที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่เป็นเพียงความเข้าใจผิดของเธอเอง...

"พ่อบอกว่าต่อไป น้าโฉมจะมาเป็นแม่ใหม่ให้กับลูก" พ่อของเธอยังคงชี้แจงได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับว่าสิ่งที่กำลังพูดอยู่เป็นเพียงการถามว่า กินข้าวหรือยัง..

"คุณพ่อ...ล้อเล่นใช่ไหมคะ บอกธารทีเถอะว่าเมื่อกี้คุณพ่อแค่ล้อธารเล่น ใช่ไหมคะ ? " แม้จะรู้กระจ่างชัดในใจว่าคำตอบคืออะไรแต่ธาราก็ยังคงถามออกไปเช่นนั้น น้ำเสียงตอนนี้ที่เปล่งออกมามันสั่นเครือจนฟังแทบจับใจความไม่ถูก น้ำใสๆเริ่มไหลรินลงมา ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไม่ต่างไปจากน้ำเสียงที่เพิ่งจะเปล่งออกมา

"ฟังไม่ผิดหรอกค่ะหนูธาร น้ากำลังจะมาเป็นแม่ใหม่ให้กับหนูนะคะ มามะมาให้ 'แม่'..กอดรับขวัญที่สิจ๊ะ" โฉมจันทร์เดินเข้ามาหาธาราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เข้าสวมกอดธาราด้วยท่าทางรักใคร่เป็นที่สุด แต่ถ้อยคำที่กระซิบข้างหูนั่นมันทำให้ธาราตัวแข็งชาได้ราวกับถูกแช่แข็งด้วยน้ำแข็งจากขั่วโลก "ยินดีรับเถอะนังเด็กโง่ แต่ถึงแกไม่เต็มใจพ่อแกก็ต้องการฉันอยู่ดี หึหึ.." โฉมจันทร์แกล้งพูดเสียงดังพอที่จะทำให้คุณธเนศร์พ่อของธาราได้ยิน "แหม..หนูธารนี่น่ารักน่าเอ็นดูจังเลยนะคะ โถ..ที่ร้องไห้นี่คงเพราะดีใจใช่ไหมคะ น้าสัญญานะคะว่าจะมอบความรักให้เหมือนที่หนูเคยได้รับจากแม่ของหนูเลยล่ะคะ"

คุณธเนศร์ไม่เคยรับรู้ว่าโฉมจันทร์นั้นร้ายกาจสักเพียงไร กลับมองว่าภาพที่โฉมจันทร์แสร้งแสดงละครตบตาในวันนั้นคือความจริงใจ

ธารานั่งจมลึกอยู่กับความคิดส่วนตัวจนไม่รู้สึกตัวว่า ผู้เป็นพ่อนั้นมายืนมองเธอทางเบื้องหลังอยู่เนิ่นนาน จนในที่สุดคุณธเนศร์ก็เอ่ยปาก

"ธาร ทำอะไรอยู่ลูก" ว่าพลางจะก้าวมานั่งลงที่ข้างกายหญิงสาว แต่ธารากลับเอ่ยปากห้ามอย่างเฉยชาที่สุด

"อย่าเข้ามาใกล้ธารนะคะ ธารไม่อยากให้เนื้อตัวของธารไปสัมผัสถูกเนื้อตัวของคุณ ธารคงทำใจไม่ได้หากว่าต้องอยู่ใกล้ผู้ชายที่ไม่มั่นคงอย่างคุณ" นับจากวันที่โฉมจันทร์เข้ามาอยู่ในบ้าน พร้อมกับนาริกาลูกสาวที่อายุมากกว่าธาราสองปี ธาราก็ไม่เคยเรียกขานคุณธเนศร์ว่าพ่อเลยสักครั้ง คำเรียกขานที่ถูกหยิบยกมาใช้ช่างห่างเหินราวกับคนที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ทั้งที่ฐานะของคนทั้งคู่ก็คือพ่อกับลูก

"ธาร.." น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยชื่อแสดงออกได้ว่าท่านรู้สึกปวดร้าวสักเพียงไร เขาเข้าใจว่าธาราอาจจะยังปรับตัวไม่ได้ในตอนแรกแต่จนถึงวันนี้ธาราก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะยอมรับในการตัดสินใจเรื่องโฉมจันทร์ในครั้งนั้นังเดียวกันมาตลอด "พ่อ..ขอโทษ"ในที่สุดคำๆนี้ก็ออกมาจากปากเขา เขาทนไม่ได้ออกต่อไปกับท่าทีเฉยชาของธารา เขาคิดว่ามันเป้นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะทำเพื่อให้ได้รับรอยยิ้มของลูกสาวคนเดียวกลับคืนมา

"หึ..คุณไม่คิดว่ามันจะช้าไปหน่อยเหรอ ยังไงตอนนี้คุณก็มีครอบครัวของคุณเองอยู่แล้ว ยังจะต้องใส่ใจในตัวฉันอีกหรือ... เก็บคำขอโทษของคุณเอาไว้เถอะค่ะ ฉัน..ไม่..ต้อง..การ..มัน.." ธาราจงใจเน้นน้ำหนักตรงท้ายของประโยค น้ำเสียงกดลึกลงไปในความรู้สึกของคนฟังโดยอัตโนมัติ แววตาที่ธาราหันไปสบตาของคนเป็นพ่อ มันเป็นแววตาที่มากกว่าความรู้สึกตำหนิ มันร้ายแรงแค่ไหนในโทษที่เขามีในดวงตาของลูกเขาไม่อาจรู้ได้ แต่สายตานั้นมันทำให้ใจคนเป้นพ่อหลุดร่วงลงแทบเท้า

ธาราลุกขึ้นยืน สบแววตาของคนเป็นพ่อ แล้วเดินเข้าไปกระซิบใกล้

"อย่าได้คิดเก็บแก้วที่แตกไปต่อใหม่อีกเลย เพราะยังไงมันก็เปล่าประโยชน์ ยังไงคุณมันก็กลายเป็นคนอื่นสำหรับฉันไปซะแล้วล่ะ คุณธเนศร์..." หญิงสาวเดินหนีออกมา ก่อนที่เธอจะเผลอร้องไห้ให้คนๆนั้นได้เห็น เธอจะไม่ยอมอ่อนแอให้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นเด็ดขาด

แม้ในใจลึกๆของธารา จะอยากกอดพ่อของเธอมากแค่ไหน แต่พอคิดว่าผู้ชายคนที่เธอจะกอด เอาตัวเองไปกอดผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอและแม่ของเธอ ธาราก็ตัดใจซะ เธอจะไม่มีวันอภัยให้กับคนๆนั้นเด็ดขาด

จิตใจที่ร้างรานจนยากจะเยียวยาของธารา มันยับเยินจากการถูกทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดี เธอคงต้องทนต่อไปกับเรื่องแบบนี้เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นเลย เธออยากจะอยู่ใกล้ๆพ่อแต่ก็คงไม่อาจคุยกับท่านได้เหมือนเดิมอีกแล้ว"คุณพ่อขา..ธารขอโทษนะคะ แต่ธารคงจะรู้สึกกับคุณพ่อเหมือนเดิมอีกไม่ได้ แต่ธารยังรักคุณพ่อเหมือนเดิมนะคะ"ธาราเอ่ยคำนี้เบาๆอย่างปวดร้าวในใจ เมื่อไหร่พ่อเธอจะตาสว่างเสียที ว่าผู้หญิงที่ท่านนอนกอดอยู่ทุกวันนั้นไม่ได้จริงใจกับท่านเลย...

อยากจะเข้าไปช่วยทำให้ผู้เป็นพ่อตาสว่างใจแทบขาด แต่พอเห็นเขากอดกับผู้หญิงคนนั้นความตั้งใจทั้งหมดทั้งมวลของธาราก็มลายหายสิ้นไปราวกับควัน

ด้วยตัวทิฐิที่รั้งจิตใจของเธอ ให้แข็งกระด้าง แม้ความรักที่มีต่อผู้เป็นพ่อจะมากมายล้นฟ้า แต่ธาราก็ไม่อาจให้อภัยชายผู้เป็นพ่อได้เมื่อนึกถึงตอนที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้า พาเข้าไปนอนในห้องที่พ่อเคยใช้เป็นห้องนอนกับแม่ เขาพาผู้หญิงคนใหม่เข้าไปหมิ่นเกียรติเมียตัวเองที่ตายไปแล้ว จากที่เคยสัญญาว่าจะรักแต่แม่และธาราเพียงเท่านี้และจะไม่มมีใครอีกทั้งชีวิต

ธาราอยากให้อภัยพ่อของเธอ แต่กลับทำใจให้ยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ป่านนี้วิญญาณของแม่เธอคงนอนร้องไห้อยู่บนสรวงสวรรค์ ที่ต้องเห็นพ่อรักผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ตนอีกต่อไป

ก้าวร้าวไม่ว่าเราจะมองยังไงก็ยังคงเห็นรอยร้าวนั้นอยู่ดี ถึงพยายามทำใจให้ทำเป็นมองไม่เห็น แต่คงไม่มีใครกล้าหยิบแก้วใบนั้นขึ้นมาใช้อีก เพราะเกรงว่าหากเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสเพียงนิดแก้วที่เปราะบางก็จะแตกสลายในพริบตา

จิตใจที่ร้าวราน ความรู้สึกที่แหลกสลาย เพราะโดนทำร้ายจากคนที่รักและไว้ใจที่สุดในชีวิต มันเป็นการร้าวรานแหลกเหลวที่ยากจะหาสิ่งใดมาซ่อมแซม และถักทอให้กลับคืนเหมือนเดิมได้

ธาราเห็นพ่อของเธอ เช็ดน้ำตาที่ไหลริน น้ำตาแห่งความสำนึกผิดของผู้ชายคนหนึ่ง ธาราสงสารพ่อและอยากเดินเข้าไปบอกว่าเธอให้อภัย แต่ถ้าทำเช่นนั้นก็คงไม่สามารถขับไล่นังแม่มดในคราบคนให้ออกจากบ้านของเธอได้ เสียงภาวนาที่ดังก้องในใจหวังให้สวรรค์เบื้องบนได้รับฟังและช่วยเธอเสียที

แม่นมอ่อน ซึ่งเป็นแม่นมที่เลี้ยงดูธารามาตั้งแต่เด็ก ก็ยังรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบ้าน ก่อนที่แม่นมอ่อนจะเสียเมื่อสามเดือนก่อนยังได้สั่งเสียอะไรบางอย่างกับธเนศร์ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันบ้าง แต่ะราพอจะเดาออกว่าทำไม วันนั้นพ่อของเธอถึงได้อารมณ์เสียออกมาจากห้องไอซียู แม่นมอ่อนคงเตือนเรื่องโฉมจันทร์ แต่ช่างเป็นการใช้กำลังสุดท้ายในชีวิตที่ไร้ค่าสูญเปล่า เพราะนอกจากธเนศร์จะไม่เชื่อยังโกรธเคืองถึงขั้นไม่ยอมเหยียบเข้าไปในงานศพของแม่นมอ่อนเลย

สวนดอกไม้ของแม่ เต็มไปด้วยดอกไม้ที่แม่ชอบ ธาราเดินลัดเลาะไปตามแนวของไม้พุ่มเตี้ยๆ ดอกไม้มันออกดอกเพราะถึงเวลา และอีกไม่นานมันก็จะร่วงโรยเพราะถึงเวลาของมันอีกเช่นกัน...

แม่เคยบอกธาราเสมอว่า 'ชีวิตคนเรา ก็ไม่ต่างอะไรกับดอกั่ง และเหี่ยวเฉาร่วงโรย ไม่มีใครฝืนหรือหนีกฏข้อนี้ได้พ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าช่วงชีวิตของตัวเองจะหมดเวลาลงเมื่อไร'

เธออยากถามแม่ทุกครั้งว่าถ้าช่วงที่ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง แล้วชาวสวนไม่ได้รดน้ำพรวนดินเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวดอกไม้แต่อย่างใด ดอกไม้จะมีสภาพเป็นยังไง?

แต่ ณ เวลานี้ ธาราได้พบคำตอบที่กระจ่างชัดแก่ใจของเธอแล้ว ว่าดอกไม้ดอกนั้น คงเหี่ยวเฉาหดหู่ ไร้เสน่ห์และไร้กลิ่นหอมที่จะดึงดูดแมลงให้เข้าใกล้มัน แต่ครั้นจะร่วงโรย ก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจ ว่าอีกประเดี๋ยวชาวสวนคงเดินมารดน้ำพรวนดิน หรือไม่ก็หวังว่าอีกสักครู่จะมีคนมาเด็ดมาเพื่อเอาไปดอมดมเสียสักที แต่สุดท้ายดอกไม้และต้นไม้ก็แห้งตายเพราะมัวแต่มีความหวังอยู่อย่างนั้น

ธาราก็คงไม่ต่างจากดอกไม้และต้นไม้ที่อาจต้องตายไปเพราะความหวัง เพราะเธอยังคงหวังว่าสักวันพ่อของเธอจะกลับมาเป็นคนเดิมกลับมาเป็น นายธเนศร์ธนาทรัพย์หิรัญ ที่รักและซื่อสัตย์ต่อภรรยาและลูกของเขา ทั้งยังไม่มีใจหลงใหลนางมารร้ายอย่างโฉมจันทร์อีกด้วย

แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าความหวังที่ตัวเองมีนั้น มันไกลความเป็นจริงราวกับเรื่องที่อยู่กันคนละโลก แต่ธาราก็ยังคงจมอยู่ในความหลอกลวง ที่เธอเองเป้นคนสร้างขึ้น แต่นั่นมันก็ดีกว่าที่จะต้องเยี่ยมหน้าเข้าไปในโลกที่เป็นความจริง ที่มันคอยทำร้ายเธอทุกครั้งที่คิดจะเข้าไปหาความจริง

สามารถติดตามต่อโดยไม่ต้องรอในนี้ ได้ที่

http://www.inlove-book.com/novel_detail.php?ide=4700

โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook