ปิ๊งรัก ยัยตัวร้าย (2)

ปิ๊งรัก ยัยตัวร้าย (2)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บทที่ 2

จนได้ซิน่า

ตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านไป ภายในรั้วโรงเรียนมัธยมแฮมเชียร์ที่แสนสงบสุข ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ สาวน้อยปีหนึ่ง ห้อง E ที่ย้ายมาใหม่ ได้กลายเป็นที่กล่าวขวัญของทุกคนในโรงเรียน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่แสนจะน่ารัก กิริยามารยาทที่เรียบร้อย นุ่มนวล งดงาม ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มใจดี น้ำเสียงที่อ่อนหวาน ทำให้เป็นที่ประทับใจกันทั่วหน้า ทั้งอาจารย์และนักเรียนแทบทุกคน

เฮ้อ! ให้ตายซิ สายจนได้ ขืนใครรู้เข้าว่า มิสคอส์ต ผู้เพียบพร้อมมาโรงเรียนสายล่ะก็ มีหวังขายขี้หน้าเค้าตายเลย.. อาชี่ ส่งเสียงบ่น พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เช้านี้เธอตื่นสาย ทั้งที่ไม่ได้ตื่นสายอย่างนี้มานานแล้ว เป็นเพราะเจ้าพวกบ้านั้นแท้ๆ เสียเวลาจริงๆ เจ้าตัวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อนึกถึงบรรดาลูกน้องตัวแสบของพ่อ ที่ชวนเธออยู่จนดึกดื่น

นั่นไง ซวยแล้ว อาจารย์ปิดประตูใหญ่ซะแล้ว ทำไงล่ะทีนี้ มองซ้ายมองขวาแล้วก็อืม....งั้นเข้าทางด้านหลังแล้วกัน เด็กสาวคิดแล้วก็หมุนตัว เดินอ้อมไปด้านหลังโรงเรียนทันที อาชี่ เดินลัดเลาะรั้วโรงเรียนมาจนถึงบริเวณโรงยิมด้านหลังโรงเรียน เจ้าตัวเหลียวดูรอบๆเมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว ก็จัดการเหวี่ยงกระเป๋าข้ามรั้วไปก่อน จากนั้นเด็กสาวถอยออกมากะระยะความห่าง และความสูงของรั้วที่คะเนด้วยสายตา ก่อนจะวิ่งแล้วสปริงข้อเท้ากระโดดข้ามรั้วโรงเรียนเข้าไปอย่างง่ายดาย

ตุ๊บ เสียงการแลนดิ้งลงพื้นด้วยท่วงท่าสวยงาม ย่อตัว งอเข่าเล็กน้อย เหมือนนักกีฬายิมนาสติกมือโปร หญิงสาวยืดตัวขึ้นตรง พลางปัดเศษฝุ่น และใบไม้ที่ติดตามเสื้อและกระโปรงออก ขณะก้มตัวลงหยิบกระเป๋านักเรียน สายตาก็พลันเหลือบไปเห็น นักเรียนชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังโรงยิม ในมือยังคงคีบบุหรี่มวนหนึ่งค้างอยู่ ท่าทางตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งเห็นอาชี่ ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่คนนั้น และจำได้ว่าเป็นพวกนักเรียนปี 2 ที่ค่อนข้างมีปัญหา โดยปกติพวกนี้ก็มักจะโดดเรียนมาแอบอยู่แถวๆ ที่ลับตาคนอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเช้าๆ อย่างนี้ จะมีพวกนี้อยู่แถวนี้ด้วย ซวยจริงๆ วันนี้ เด็กสาวคิดในใจ

สวัสดีจ๊ะ เมื่อกี้เห็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ อาชี่ถามเสียงใส โน้มตัวเข้าไปใกล้นักเรียนชายคนนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างใจดี

เอ่อ........ก็เธอไง เจ้าตัวตอบแบบยังงงๆ

ฉาด !! หน้าของเด็กหนุ่มสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของมือขาวๆ ท่ามกลางความงุนงงเด็กหนุ่มหันกลับมามองหน้าของสาวน้อยที่ยืนตรงหน้า

นี่เธอ !... เสียงแหบแหวออกมาด้วยความตกใจ มือข้างหนึ่งยังคงกุมแก้มข้างที่ถูกตบ อย่างจัง จนเห็นเป็นรอยแดงๆ

เมื่อกี้เห็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ อาชี่ ยิงคำถามเดิม ด้วยใบหน้าที่ยังคงเปื้อนไปด้วย รอยยิ้มอ่อนหวาน

อ๊ะ ก็บอกแล้วไงว่า เธอ... เด็กหนุ่มว่า

เฮ้อ.... อาชี่ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พลางว่า ตอบผิดอีกแล้ว

คราวนี้ไม่ใช่ฝ่ามือ แต่เป็นกำปั้นลุนๆ ที่ซัดเข้าปลายคางเต็มๆ เล่นเอาคนโดนชกถึงกับล้มคะมำลงไปด้านข้าง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้มีเพียงรอยแดงที่หน้าเท่านั้น แต่ยังมีคราบเลือดประดับเพิ่มที่มุมปากอีกด้วย ไม่เลวๆ เข้าท่า หน้าตาน่ามองขึ้นไม่น้อยเลยนะเนี่ย

ว่าไง เมื่อกี้เห็นอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงยังคงนุ่มนวลเป็นปกติ ถามซ้ำอีกครั้ง

เอ่อ....คือ เธ....... เสียงแหบงึมงำอยู่ในลำคอ

ยังไม่ทันจบประโยค เด็กหนุ่มก็ต้องผงะหงายหลัง เพราะแรงกระชากจากมือของสาวน้อย ที่จิกขยุ้มผมด้านหลังศรีษะอย่างแรง

คราวนี้จะพูดอะไร ก็คิดให้ดีๆ ล่ะนะ อาชี่พูดยิ้มๆ โน้มตัวลงไปใกล้

เอ่อ ไม่เห็นครับ ไม่เห็นอะไรเลย เด็กหนุ่มละล่ำละลักตอบ โบกไม้โบกมือไปมาวุ่นวาย

เหรอ อืม....นี่ก็ได้เวลานี่ก็ได้เวลาเรียนแล้ว รุ่นพี่ยังไม่เข้าเรียนอีกหรือคะ เด็กสาวพูดยิ้มๆ ปล่อยมือออกจากผมของเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา

ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ คนพูดกระวีกระวาดลุกขึ้นทันที ถ้าหายตัวไปจากตรงนั้นได้ ก็คงจะทำไปแล้ว อาชี่ มองดูท่าทางลุกลี้ลุกลนของหมอนั่นอย่างขำๆ

เดินดีๆ ล่ะ อย่าซุ่มซามไปสะดุดล้มที่ไหนอีกนะ เธอส่งเสียงไล่หลัง น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย แต่คนถูกห่วงเดินหน้าตั้งไม่เหลียวหลัง และถึงกับออกวิ่งเมื่อเดินห่างออกไปได้สักระยะ

เฮ้อ...เกือบไปแล้วเรา เสียภาพพจน์หมด ว่าแล้วก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตามเด็กหนุ่มออกไป ด้วยอารมณ์อันเบิกบานเต็มที่ บางทีวันนี้คงไม่เลวร้ายสักเท่าไรหรอกนะ

........................................

ให้ตายซิเกลียดชั่วโมงพละชะมัดเลย ร้อนก็ร้อนต้องมาวิ่งอยู่กลางแจ้งแบบนี้ ผิวเสียไปใครจะรับผิดชอบกันเนี่ย คิดพลางวิ่งไปรับลูกบอลจากเพื่อนที่ส่งมาให้ ด้วยใบหน้าที่แสดงความกระตือรือล้นเต็มที่

นี่เธอน่ะ วิ่งปวกเปียกอยู่ได้ ถ่วงเวลาชะมัดเลย เสียงแหลมสูงดังขึ้นด้านหลัง อาชี่เหลียวไปมองต้นเสียง นึกแล้วว่าต้องเป็นยายนี่ น่าเบื่อชะมัด คิดว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหนนะ

ขอโทษค่ะ รุ่นพี่ อาชี่เอ่ยปากขอโทษ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ใครกันนะที่เป็นคนคิดไอ้เรื่องที่ให้ชั่วโมงพละต้องเรียนรวมกับพวกปี 2 เนี่ย แถมยังต้องเป็นห้องของพวกยายแคลล่า จอมวีนนี่ด้วย คิดแล้วเซ็งจริงๆ หญิงสาวยังคงยิ้มบางๆ ในหน้า

ขอโทษ ก็เร็วๆ เข้าซิยะ ยัยแคลล่า ยังคงแผดเสียงแหลงดังลั่น จนได้ยินกันทั่ว เฮ้อ....ยายนี่จะจองเวรกับฉันไปถึงไหนนะ อุตสาห์ได้อยู่อย่างสงบๆ แล้วเชียวนะ นี่มันชีวิตใหม่ของฉันนะ

ค่ะ ค่ะ ถึงในใจจะบ่นกระปอดกระแปด แต่ปากก็ยังระบายไปด้วยยิ้ม

อาชี่ วิ่งไปเก็บบอลที่กระเด็นไปข้างสนาม ที่นั่นนักเรียนชาย 4-5 คน ยืนจับกลุ่มอยู่ หนึ่งในนั้นเก็บลูกบอลส่งให้เธอด้วยใบหน้าทะเล้น

นี่จ๊ะ น้องสาว เจ้าหนุ่มหน้ามนส่งเสียงล้อเลียน

ขอบคุณค่ะ อาชี่ส่งยิ้มหวานให้ ขณะยื่นมือไปรับบอลจากเด็กหนุ่ม เจ้านั่นเลยถือ โอกาสจับมือของเธอเต็มๆ หนอยเจ้านี่ วอนซะแล้ว แต่...เดี๋ยวก่อน ตอนนี้ฉันเป็นคนใหม่แล้วว่าแล้วก็ค่อยๆ ดึงมือออกแล้วทำหน้าเขินอายแบบสุดๆ เพื่อแอบซ่อนแววตาที่วาววับไว้

อืม.... ขอบอลคืนด้วยนะคะ เธอบอกยิ้มๆ บังเอิญสายตาเลยไปเห็นหนึ่งในกลุ่มนั้นกำลังพยายามซ่อนตัวอยู่หลังคนอื่นๆ ในกลุ่ม อา...เจ้าคนนั้นนั่นเอง เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น ทันทีที่หมอนั่นรู้ตัวว่าเธอมองเห็น ก็ก้มหน้าหลบตาทันที

อ้าว ว่ายังไงคะรุ่นพี่ แผลที่หกล้มหายหรือยังคะ อาชี่ทักเสียงใส

เอ่อ ก็....ก็หายแล้วล่ะ ขอบใจ หมอนั่นพูดตะกุกตะกัก พยายามไม่สบตา

อะไร แกรู้จักน้องเค้าด้วยเหรอ คนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้น

ปีเตอร์ แกนี่มันร้ายจริงๆ ไม่บอกกันสักคำ อีกคนหันไปจวกเพื่อนรักทันทีเหมือนกัน

แหม ไม่หรอกค่ะ บังเอิญน่ะค่ะ อืมขอตัวก่อนนะคะ อาชี่ รีบดึงบอลจากมือเจ้าคนที่ถือบอลอยู่ และวิ่งออกมาทันที ปล่อยให้กลุ่มเด็กหนุ่มยืนมองตาค้างตามหลัง

มัวทำอะไรอยู่ยะ เที่ยวอ่อยผู้ชายไปทั่วเชียวนะหล่อน เอาอีกแล้ว ยายนี่สงสัยที่บ้านไม่เคยสอนมารยาทผู้ดีให้ ความอดทนของคนเรามันมีจำกัดนะยะ เดี๋ยวแม่ก็เล่นซะหรอก

คิดพลาง ยิ้มบางๆ อย่างคาดหมายในใจ ขณะที่กำลังจะโยนบอลส่งให้เจ้าของเสียงแหลมที่ยืนเท้าเอวอยู่ไม่ไกลนัก สาวน้อยคนสวยก็เกิดบังเอิญวิ่งแล้วสะดุดซะอย่างนั้น ผลก็คือบอลที่หลุด จากมือพุ่งออกไปกระแทกกับหน้าแหลมๆ ของยายแคลล่าอย่างจัง

กรี๊ด!!! แก....แก นังซุ่มซ่าม หน้าฉันๆ แกต้องรับผิดชอบ ยายแคลล่า ยังคงกรีดเสียง

ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุดบอลมันเลยหลุดมือน่ะค่ะ อาชี่ทำเสียงละล่ำละลัก ขอโทษ แล้วรีบเดินเข้าไปดูอาการคนเจ็บที่ยังคงโวยวายไม่หยุด

แก แกจงใจแกล้งฉันใช่ไหม คอยดูนะ คนเจ็บยังโวยไม่เลิก

ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ นะคะรุ่นพี่ อาชี่ส่งเสียง สีหน้า แววตา สำนึกผิด ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยคนเจ็บเต็มที่

เลือดออกมากขนาดนี้ ไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่านะ มิสโพลินี่ เสียงอาจารย์วิชาพละดังแทรกเสียงกรีดร้องของคนเจ็บขึ้นมา

นั่นซิ ฉันว่าเธอไปห้องพยาบาลก่อนเถอะแคลล่า เพื่อนสาวคนหนึ่งของแคลล่าพูดขึ้น หน้าตาเหยเก เมื่อเห็นเลือดที่ทะลักออกจากจมูกของเพื่อนรัก

แก ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันต้องจัดการแกแน่ คนเจ็บยังคงส่งเสียงอาฆาต ขณะที่เพื่อนๆ พาไปยังห้องพยาบาล

ขอโทษจริงๆ นะคะรุ่นพี่ ฉันขอโทษ อาชี่ตะโกนไล่หลัง ซ่อนรอยยิ้มพึงพอใจไว้ไม่ให้ใครเห็น อย่างเธอมันต้องเจออย่างนี้ บางทีมันคงทำให้ปากเธอดีขึ้นบ้างล่ะนะ เด็กสาวคิด อย่างอารมณ์ดี อืม จะว่าไปต้องขอบใจฉันนะเนี่ย ที่ช่วยรักษานิสัยแย่ๆ ของเธอให้

นี่ ฉันว่าเธอต้องแย่แน่ๆ เลย มาเรีย สาวน้อยหน้ากลม กระซิบเบาๆ มาจากด้านหลังทำให้อาชี่ต้องหันกลับไปมองเธอ

ทำไมล่ะจ๊ะ เด็กสาวยิงคำถามทำซื่อ

ก็ รุ่นพี่แคลล่า น่ะ เป็นพวกขาใหญ่ปี 2 น่ะซิ ปกติไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งกับเค้าหรอก มาเรียนพูด พลางทำหน้าขยาด

แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา พี่เค้าคงเข้าใจหรอก จริงมั้ย อาชี่ยังคงทำซื่อ

โธ่ เธอน่ะไม่รู้เรื่องเลย พวกปี 2 น่ะ เขม่นเธอมาแต่แรกแล้ว ไม่งั้นไม่คอยหาเรื่อง แต่เธอหรอก ไม่สังเกตบ้างหรือไง มาเรียบอก

แหม คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง อาชี่บอกยิ้มๆ

ยังไงเธอก็ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ ฉันว่า มาเรียนพูด ท่าทางเป็นกังวลเอาจริงๆ จังๆ

ขอบใจจ๊ะ แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ อาชี่ว่า ยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดิน จากไป ทิ้งให้คนเป็นห่วงมองตามด้วยสีหน้ากังวลสุดขีด

สายลมช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงที่พัดผ่านค่อนข้างเย็นจัด ส่งสัญญาณว่าฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนเมืองแฮมเชียร์อันแสนสงบ ลมที่พัดค่อนข้างแรงทำให้ชายเสื้อพละด้านหลังสะบัดเปิดขึ้น เพียงชั่วแวบ มาเรีย มองเห็นรูปนกสีแดงเพลิงสยายปีก ประดับอยู่บริเวณเอวของสาวน้อย ขวัญใจโรงเรียน ผู้แสนจะเรียบร้อยและอ่อนหวาน

..........................................

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook