ทางแห่งฝัน

ทางแห่งฝัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทางแห่งฝัน

โดย..ข้าวรวงเล็ก

วันหนึ่ง..ขณะที่ฉันเดินทางอยู่บนทางคอนกรีต มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขอร่วมทางเดนไปกับฉัน..แล้วฉันก็ไว้ใจ ให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย แต่ในขณะที่เดินไป "ทางคอนกรีต" ที่ใช้อยู่ก็เริ่มหายไปๆเหลือเพียงทางเดินลัดเลาะไปตามป่าเขาและขวากหนาม..พอเราเดินไปได้สักพักเราก็ไปพบกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่รูปทรงสวยงามมาก เราจึงคุยกัน แล้วตัดสินใจหยิบมันติดตัวไป

แต่ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏร่างแม่มดร้ายขึ้นตรงหน้าพร้อมกับคำสาป..ว่า "ฮ่าๆๆๆๆ..พวกเจ้าต้องคำสาปของข้าแล้ว ผู้ใดก็ตามที่หยิบเอากระเป๋าใบนี้ไป..จะต้องแบกมันไว้ตลอดชีวิต" ฉันเลยตัดสินใจ เพราทางข้างหน้าอาจอันตรายยิ่งกว่า เราอาจเจอสัตว์ร้าย หรือยักษ์ตัวใหญ่อาจรออยู่ข้างหน้า ให้เขาไปตัวเปล่าเพื่อจะได้มีมือต่อสู้กับเหล่าร้ายนั้น ฉันเลยขอแบกกระเป๋าใบนั้นเอง

พอเราดินทางไปต่อไป เราก็ไปเจอแม่น้ำสายใหญ่ไหลเชียวอยู่ข้างหน้า แต่เราต้องข้ามไปจึงจะถึงจุดหมาย..สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องง่ายมากเลยล่ะกะอิแค่การว่ายน้ำ แต่ฉันสิ ก้าวขาลงน้ำตามเขาไปทั้งๆที่รู้ว่า ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น แถมมีกระเป๋าใบใหญ่เป็นภาระติดตัวอีกต่างหาก

แต่โชคดีที่พอลงน้ำไป กระเป๋ามันก็ลอยน้ำ ฉันเลยอาศัยเกาะมันแทนเสีย แล้วเขาก็ลากกระเป๋าและฉันข้ามกระแสน้ำนั้น..แต่พอไปได้กลางทาง กระแสน้ำมันเชี่ยวมาก เราคงเริ่มเหนื่อยกันทั้งคู่.เขาเริ่มบ่น และพูดจาต่างๆนานาโดยไมแคร์ความรู้สึกของฉันเลย ฉันเองก็ใกล้จะหมดแรง แต่เราก็ยังประคับประคองกันต่อไป เพราะเขาบอกับฉันว่า "ฉันเห็นฝั่งอยู่ข้างน้าแล้ว" ฉันเลยตัดสินใจ ออกอุบายเขาไปว่า "เธอจงรีบว่ายน้ำไปให้ถึงฝั่งก่อนเถิด..ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เพราะยังไงฉันก็ยังมีกระเป๋าใบนี้ให้เกาะอยู่.เธอไปถึงฝั่งเมื่อไหร่ค่อยหาทางกลับมาช่วยฉันเถิด" แล้วเขาก็ทิ้งฉันไว้ตรงนั้นรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่งไป โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้.น้ำมันเข้ากระเป๋า..จนกระเป๋าจะพาฉันจมน้ำตายอยู่แล้ว แต่ฉันก็เลือกขอจมน้ำตายอยู่ตรงนั้น ดีกว่าให้ร่วมทางเดินไปกับคนที่คอยเอารัดเอาเปรียบ เอาแต่ความสุขของตนเอง ซ้ำยังไม่เคยแคร์กับความรู้สึกของฉันเลย.ดีกว่า

ฝนห่าใหญ่ตกลงมา..ท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงเปรี้ยงป้างดังอยู่รายรอบ ฉันมองไม่เห็นเขาแล้ว และฉันกำลังจะ..จมน้ำตาย

แต่ทันใดนั้นเอง ฉันก็รับรู้ถึงไออุ่นจากมือของใครคนหนึ่งที่ดึงฉันขึ้นมา เขาช่วยฉุดฉันขึ้นมาบนเรือ แล้วถอดเสื้อที่เขาใส่มาคลุมให้ฉัน ฉันรับรู้ถึงไออุ่น..อย่างหาไม่ได้ แล้วเขาก็พาฉันพายเรือเข้าไปจนถึงฝั่ง เขาถามฉันว่า "เธอจะไปไหนหรือ?" ฉันบอกเขาว่า "ฉันจะไปตามหา..ความฝัน" เขาบอกฉันว่า เขารู้ทาง ขอให้เขาเป็นคนนำทางให้นะ แล้วเขาก็พาฉันค่อยๆเดินผ่านป่านั้นไป

ระหว่างทางเขาเริ่มสังเกตเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่แสนงาม แล้วถามฉันว่า "กระเป๋าใบนี้สวยดีนะ ข้างในคงเป็นของมีค่าเธอจึงต้องเอามันติดตัวไปด้วย" แล้วฉันก็บอกเขาว่า "ไม่หรอก..ฉันกไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร แต่ฉันถูกแม่มดสาปเอาไว้ว่าต้องแบกมันติดตัวไปด้วย" เขาถามว่า "แล้วจะทำอย่างไร..เธอจึงจะพ้นคำสาป?" ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้หรอก แต่ฉันรู้เพียงว่า ตั้งแต่เขาคนนั้นจากฉันไป กระเป๋าที่เคยหนักก็เริ่มเบาลงๆ เขาบอกฉันว่า ให้เขาช่วยถือนะ ฉันเลยบอกว่า "ตั้งแต่ฉันต้องคำสาปมาฉันวางหรือเอากระเป๋านี้ออกจากตัวไม่ได้เลย" เขาเลยบอกว่า "ต้องลองดูนะ เพราฉันอยากช่วยเธอด้วยความเต็มใจ" เพียงแค่นั้น กระเป๋าใบนั้นก็หลุดออกจากมือฉันได้ย่างมหัศจรย์ ฉันเลยบอกเขาว่า "น่าประหลาดจริง แต่มันหนักมากเลยนะ" .. "ไม่เป็นไร ค่อยๆเดินไปเดี๋ยวเราก็ชิน และมันก็จะดีขึ้นเอง" เขาบอก

ระหว่างที่เดินไป เขาคงคาใจว่าในกระเป๋านั้นมีอะไรอยู่ เขาจึงขอเปิดดู แต่..กระเป๋าที่แลดูภายนอกสวยงามและภูมิฐาน พอเปิดเข้าไปดูข้างใน กลับมีแต่กรวดทรายที่ไร้ค่า แต่ต้องแบกมันติดตัวไป โดที่เราทั้งคู่..ต่างก็รู้ดี

ระหว่างทง ฉันเห็นเขาทั้งเดินทั้งหันหลังกลับ ด้วยหขาว่า "เราพักกันตรงนี้ก่อนดีมั้ย? เพราะมันมีทางให้เราต้องเลือกเดิน ฉันขอตัดสินใจก่อนว่าจะไปทงไหน"

หนึ่ง..คือเดินไปข้างหน้า ที่เดินเคียงข้างเขาไปโดยรู้ทั้งรู้ว่า วันหนึ่งเมื่อเขาส่งฉันไปถึง "ความฝัน" แล้ว เขาก็ต้องทิ้งฉันกลับไปหาเรือลำเดิม

สอง..คือทางที่ต้องเลี้ยวขวา ปล่อยเขากลับไปหาเรือที่เขาทิ้งไปไม่ได้ แล้วเลี้ยวขวาไป เพราะทางขวามือ อาจมีใครคนหนึ่งที่ไม่มีพันธะรอคอยฉันอยู่ขวามือก็ได้

สาม..คือเลี้ยวซ้ายสิ ปล่อยเขาไป แล้วเลี้ยวซ้าย เพราทางซ้ายมือนั้น ไม่มีใครรออยู่ ไม่ต้องห่วงใคร แต่ต้องเดินไปคนเดียว ตามหา ความฝัน เพียงลำพัง

และสี่..คือเดินกลับหลัง กลับไปหาใคคนเก่า ให้เขามาแบกรับเอากระเป๋าที่เขาอยากได้ไว้บ้าง

ฉันจึงตัดสินใจ..เดินกลับหลังเหรอ ไม่มีวันเสียหรอก ฉันไม่ถอยกลับไปเพื่อให้วันหนึ่งข้างหน้า ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งมาพูดสร้างรอยแผลเป็นให้กันอีก ฉันไม่ถอยกลับไปหรอก

เลี้ยวซ้ายรึ..มันอ้างว้างเกินไป ฉันพึ่งผ่านความรู้สึกหดหู่นี้มา ถ้าฉันต้องเดินทางคนเดียวมันคงไม่ไหวแน่

หรือฉันจะ เลี้ยวขวา นั่นสินะ เพราะเราต่างก็รู้ เขามีพันธะอยู่แล้ว เขาไม่สามารถเดินไปกับฉันได้ตลอดเวลา เราเดินมือเปล่าพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่หนักอึ้งไม่ได้ เขาต้องกลับไปหาเรือลำนั้น

เพราะมันเป็นเรือที่เขาสร้างมากับมือ มันเป็นที่ใช้ทำมาหากินของเขาได้ตลอดชีวิต ให้เริ่มต้นใหม่คงไม่ไหวแน่ และที่สำคัญ ฉันรู้ว่าเขามีความสุขที่ได้อยู่บนเรือลำนั้น

แต่ ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความสุขแบบนี้มาก่อน ฉันไม่เคยอยู่กับใครแล้วอุ่นเท่าอยู่กับเขา ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยอย่างนี้มาก่อน แม้ทางข้างหน้าจะน่ากลัว ก็ไม่เคย หรือรู้สึกกลัวเลย แม้แต่น้อย.. ฉันเลยลุกขึ้นพร้อมบอกเขาว่า

"เอาล่ะ..ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเดินไปข้างหน้านะ ทางที่มีเธออยู่เคียงข้าง แม้เธอจะห่วงเรือลำนั้นอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่..เธอกลับไปก่อนเถอะ กลับไปหาเรือของเธอ แลวพอมีเวลา ก็ค่อยมาชี้ทางเดินให้ฉัน ไม่ต้องห่วงนะ เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า หัวใจดวงเดียวที่ฉันมี..มันอยู่ที่เธอ..หมดแล้ว ฉันจะค่อยๆเดินไปตามทางที่เธอบอก แม้เธอจะไม่อยู่ด้วย เราก็จะรู้สึกถึงกันได้"

แล้วหลังจากนั้น ฉันก็ขอกระเป๋าใบนั้นคืน แล้วยืนดูเขาเดินกลับไปหาเรือ..ลำนั้น แต่ฉันก็ไม่ย่อท้อหรอก ฉันเลือกทางเดินแล้ว แม้เขาจะมีพันธะก็ไม่เป็นไร ขอเพียงมีเขาเคียข้างในความรู้สึกก็เพียงพอ ฉันเลยตั้งหน้าลุกเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ แรกๆเขาก็เทียววิ่งมาบอกทางตลอด ชี้ทางและประคับประคองให้ฉันเดินไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระยะทางไกลออกไป เขาก็เริ่มห่างหายไปเช่นกัน..ฉันเริ่มหันหน้าหันหลัง มองหาเขา เพราะบางทีมันมีสัตว์ร้ายมากล้ำกราย แต่..ฉันมองไม่เห็นเขาแล้ว เขาไม่มาแล้ว ฉันพยายามหาเหตุผลว่าเพราะอะไร เขาจึงหายไป เขาได้รับอันตรายหรือเปล่า หรือตรงที่เขาหากิน ปลาคงกำลังติดเยอะจนเพลินทำเงิน หรือเพราเขาคงเห็นว่ากระเป๋าที่ไร้ค่าใบนี้ มันหนักเกินไป หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับไว้ได้ ฉันบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไรนะ ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอนะรู้มั้ย..สู้สู้ ก็รู้ว่าเขามีพันธะ ต้องหนักแน่นนะ..รู้มั้ย?" ฉันพยายามบอกตัวเองอย่างนี้มาตลอด

แต่ทันใดนั้นเอง แม่มดร้าย ก็ปรากฏกายขึ้น แล้วบอกฉันว่า "อย่าโง่นักเลย..เขาไม่ได้รักเจ้าหรอก เขาแค่สนุกชั่วคราว เจ้าก็เหมือนของเล่นชิ้นึง ตอนนี้เขาเล่นจนเบื่อแล้ว..รู้มั้ย?" ฉันเลยถามแม่มดร้ายว่า "งั้นบอกฉันหน่อยเถิด.ทำอย่างไรฉันจะพ้นคำสาปของท่าน?" นางเลยบอกฉันว่า "รักแท้..งัยล่ะ คนที่มีรักแท้ต่อเจ้าเท่านั้นจึงจะมาช่วยเจ้าแบกมันไว้ได้"

"ตายจริง..งั้นเขาก็ต้องรับภาระหนัก ที่ไม่ได้ก่อมาสิ?" ฉันถามกลับไป

"ไม่หรอก.แม้เขาต้องแบกมันแทนเจ้าอยู่ แต่เขาก็จะไม่รู้สึกหนักหรอก"

"เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?" ฉันถาม

"เพราะอานุภาพแห่งความรักงัยล่ะ.. ไปเถอะ แล้วเทพแห่งกาลเวลาจะคนที่จะมาช่วยล้างคำสาปให้เจ้า" ว่าแล้วนางก็หายวับไป

ฉันลุกถือกระเป๋าใบเดิมเดินทางต่อไปอย่างครุ่นคิด ทั้งเริ่มหมดแรงที่จะก้าวต่อไป ด้วยอยากรู้ว่า เขาคนนั้นอยู่ไหน เมื่อไหร่เขาจะมา เมื่อไหร่เขาจะมาบอกให้ฉันแน่ใจว่า "เขารักฉัน" แล้วฉันจะไม่กลัวต่ออุปสรรคใดๆเลย แม้ต้องเดินทางคนเดียวบ้างก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้เขาเหมือนเดิม ไม่ได้เรียกร้องให้เขาต้องทิ้งเรือลำนั้นมา ขอเพียงให้เขาทำ อย่างที่เคยทำ..ก็พอ

เอ!. หรือว่าเขาคงไม่ได้รักฉันจริงๆเหมือนที่แม่มดร้ายบอก ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าทิ้งฉันให้รอเขาอย่างอ้างว้างเช่นนี้หรอก ไม่เป็นไรนะ บอกฉันมาได้เลย เพาะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า หัวใจของฉันมันอยู่ที่เขาหมดแล้ว ขอเพียงเห็นเขามีความสุข ฉันก็พร้อมที่จะเก็บเรื่องราวของเราไว้ในความทรงจำ..ตลอดไป

แย่จัง !!..ตอนนี้ฉันพบทางสามแพร่งเข้าแล้วล่ะ.. ทางสามแพร่ง..ที่ไม่มีถอยหลังกลับไปเจอความตาย.. ฉันหยุดนั่งรอเขาอยู่ที่นี่..ผ่านพ้นคืนพระจันทร์เต็มดวงนี้ ถ้าเขายังไม่มา ฉันคงต้องเลือกทางเดินเอง..ต่อไป

ทางสามแพร่ง..เพียงทางสามแพร่งเท่านั้น..แล้วคุณล่ะ จะเลือทางไหน?

ข้าวรวงเล็ก

23 มีนาคม 2553

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook