แฟชั่น ผ้าขาวม้า โดนใจวัยรุ่น

ผ้าขาวม้า...ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นผ้าลายตารางขาว-แดงพาดบนไหล่ของคุณตา คุณพ่อทุกวัน ไม่ว่าจะทำอะไร จะไปที่ไหน เจ้าผ้าผืนคู่ใจจะอยู่คู่กับคุณตา หรือคุณพ่อเสมอๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายวัยกลางคนถึงวัยชราไปเสียแล้ว ในยุคผ่านๆ มาผ้าขาวม้าแทบจะถูกกลืนหายไปในสังคมโดยเฉพาะสังคมเมืองกรุง จะเห็นอยู่บ้างก็ตามสังคมชนบท นึกแล้วน่าน้อยใจแทนผ้าขาวม้าที่สู้อุตส่าห์มีประโยชน์มากมายหลายสรรพคุณทั้งเอาไว้คาดเอว เอาไว้โพกศีรษะ เอาไว้เช็ดหน้า เช็ดตัวและอีกสารพัด แต่วัยรุ่นยุค 2009 นี้ซิ ทำให้ผ้าขาวม้าหน้าบานขึ้นเยอะ เพราะผ้าตาๆ ของไทยถูกหยิบขึ้นมาเป็นแฟชั่น โดยเฉพาะแฟชั่นของวัย...รุ่นป้า (ล้อเล่น) วัยรุ่นจริงๆ วัยรุ่นหน้าใสๆ ที่เดินกันขวักไขว่นี่แหละ การหยิบผ้าขาวม้ามาเป็นแฟชั่นอย่างน้อยๆ ก็ทำให้วัยรุ่นได้รู้คุณค่าของความเป็นไทยผ่านลวดลายตาราง อีกทั้งคงประจวบเหมาะที่ช่วงนี้แฟชั่นลายสก๊อต ลายจุดก็กำลังมาแรง ทำให้ดีไซเนอร์ไทยๆ ย้อนนึกถึงผ้าไทยๆ ที่เห็นตามแคตวอล์กบนท้องถนนก็มีทั้งนำผ้าขาวม้ามาตัดเป็นเสื้อเกาะอก บ้างก็เก๋ไก๋นำมาทำเป็นผ้าพันคอ หรือถ้าเป็นสาวหวานก็จะนำมาตัดเป็นชุดเดรสสวย บรรดาหนุ่มก็แอบถือกระเป๋าผ้าขาวม้ากันอย่างภาคภูมิใจ "ตั้ม" นายไตรเทพ คล้ายจินดา อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต บอกว่า ใช้ผ้าขาวม้าเป็นประจำ เวลาทำภารกิจส่วนตัว เพราะสะดวกสบายดี หรืออาจเป็นเพราะเห็นพ่อใช้มาตั้งแต่เด็กด้วย เวลาเอามาเป็นแฟชั่น ก็สวยดี ตอนนี้กำลังฮิตด้วย ส่วนตัวก็ชอบใส่ แนวดี ส่วนมากคนที่ใส่จะเป็นวัยรุ่นเฉพาะกลุ่มมากกว่า อย่างเด็กแนวเซอร์ๆ อินดี้ หน่อย ก็จะใส่กัน "น่าจะเอามาใส่กันนานแล้วนะ สวยดีออก ของไทยแท้ๆ ต้องให้มาฮิตก่อนถึงใส่กัน อย่างว่าแฟชั่นมันมีอิทธิพลมากสำหรับวัยรุ่นในตอนนี้ กลัวไม่ฮิตแล้วใส่จะเชย ประมาณนั้น รู้สึกภูมิใจนะ ต่างชาติยังไม่มีเหมือนอย่างเราเลย เราเจ๋งสุด" "พลอย" นางสาวบุศรินทร ไตรเดชา อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เล่าว่า ส่วนมากจะเห็นผู้ชายที่มีอายุมากแล้วใช้ อย่างพ่อและตาก็ใช้นุ่งเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือแม้แต่เวลาอาบน้ำ แต่ตอนนี้มาทำเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าพันคอ ก็สวยไปอีกแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นเด็กแนวจะใส่กัน ส่วนผู้หญิงจะเยอะหน่อย เพราะว่าผู้หญิงชอบแต่งตัวกว่าผู้ชาย อะไรที่เป็นแฟชั่นก็จะใส่กัน ส่วนราคาก็สามารถที่จะซื้อได้ แต่บางอย่างก็จะแพงมาก เนื่องจากกำลังได้รับความนิยม ราคาเลยอัพตาม "ถ้าวันหนึ่งผ้าขาวม้าเลือนหายไปจากคนไทย คิดว่าไม่ดีเลย รุ่นต่อไปคงไม่ได้เห็น เพราะเป็นเหมือนเสน่ห์อย่างหนึ่ง เหมือนเอกลักษณ์ของคนไทยไปแล้ว ถ้าหายไปก็ไม่รู้จะใช้อะไร จริงมั้ย" แล้วทราบกันหรือไม่ว่าความเป็นมาของผ้าขาวม้า...นั้นเป็นมาอย่างไรกัน จากรากฐานของข้อมูล แสดงให้เห็นว่าผ้าขาวม้าเป็นผ้าโบราณ ที่ใช้ประโยชน์กันมาช้านาน คนไทยรู้จักใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่ สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ถ้านับเวลาย้อนไป จะตรงกับยุคสมัยเชียงแสน ในสมัยเชียงแสนผู้หญิงมักนุ่งผ้าถุง ส่วนผู้ชายเริ่มใช้ผ้าเคียนเอว หรือเรียกอีกอย่างหนี่งว่า "ผ้าขาวม้า" ซึ่งได้วัฒนธรรมมาจากไทยใหญ่ ที่มักจะใช้โพกศีรษะ ส่วนไทยเราใช้มวยผม เมื่อเห็นประโยชน์ของผ้าจึงนำมาใช้ทำอย่างอื่นบ้าง แต่เปลี่ยนมาเป็นผ้าเคียนเอว เมื่อครั้งต้องเดินทางไกลจึงนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะใช้ห่ออาวุธ และเก็บสัมภาระในการเดินทาง ปูเป็นที่นอน นุ่งเพื่ออาบน้ำ รวมไปถึงการใช้เช็ดร่างกาย เมื่อไทยใหญ่เห็นประโยชน์ของการใช้ผ้า จึงนำมาเคียนเอวตามอย่างบ้าง "เคียน" เป็นคำไทย มีความหมายตามพจนานุกรม ว่า พัน ผูก พาด โพก คาด คลุม เมื่อนำมารวมกับคำว่า "ผ้า" และส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น เอว จึงมีความหมายว่า เป็นผ้าสำหรับคาดเอว ซึ่งคนไทยโบราณจะรู้จักในชื่อ "ผ้าเคียนเอว" มากกว่า "ผ้าขาวม้า" เนื่องจากใช้เรียกกันมาตั้งแต่โบราณ ส่วนคำว่า "ผ้าขาวม้า" มานิยมใช้เรียกกันในภายหลัง ทำอย่างไรให้ผ้าผืนนี้ อยู่คู่คนไทย สู่สายตารุ่นลูกรุ่นหลานสืบไป