บีม-ศรัณยู เปิดบันทึกนักเรียนนอก จาก Osaka สู่ San Francisco

บีม-ศรัณยู เปิดบันทึกนักเรียนนอก จาก Osaka สู่ San Francisco

บีม-ศรัณยู เปิดบันทึกนักเรียนนอก จาก Osaka สู่ San Francisco
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บีม-ศรัณยู ประชากริช หนุ่มคนนี้เขาได้ฉายาว่าดีเจไฮโซ บีมนั่งแท่นเป็นคนหลังไมค์ประจำคลื่น 95.5 Virgin Hitz ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-14.00 น. เรียกว่าครบสูตร หน้าตาดี ฐานะดี การศึกษาดี เป็นสเปกมาตรฐานที่สาว ๆ ต้องการเลยทีเดียว (555) เห็นได้จากที่บีมตกเป็นข่าวคราวกับสาว ๆ หลายรายด้วยกัน เรื่องนี้หลายคนคงจะรู้กันแล้ว แต่ยังมีอีกมุมหนึ่งที่บีม ไม่ค่อยได้เปิดเผยสักเท่าไหร่ นั่นคือเรื่องราวชีวิตกับการเป็นนักเรียนต่างแดน บีม-ศรัณยู ประชากริช บีมเริ่มไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเมื่ออายุ 17 ปี หลังจากจบจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ประเทศที่เขาเลือกเป็นอันดับแรกคือญี่ปุ่น จากนั้นบีมหิ้วกระเป๋าลัดฟ้าสู่แดนปลาดิบทันที ?ผมไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นครับ พอจบม.6 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ประกอบกับตอนนั้นค่อนข้างเกเรเหมือนกัน (หัวเราะ) ทางบ้านเห็นท่าไม่ดี เลยส่งไปเรียนเมืองนอกดีกว่า ที่เลือกประเทศญี่ปุ่นเพราะว่าผมผูกพันกับประเทศนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เนื่องจากธุรกิจครอบครัวของที่บ้านต้องติดต่อเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อย ทำให้ผมค่อนข้างที่จะคุ้นเคยและซึมซับอยากจะไปครับ? 1 ปีใน Tenoji International Business College, Osaka บีม บอกว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นกับเขามากมาย และที่ญี่ปุ่นนี้เองยังเป็นแหล่งเพาะความคิดใหม่ให้กับเขา ?ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นประมาณ 1 ปี ไปเรียนทางด้าน Business และได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นไปในตัวด้วย ภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างยากเหมือนกันครับ บรรยากาศที่ไปเรียนญี่ปุ่นเหงามากครับ เพราะไปช่วงนั้นอายุยังน้อยด้วย กว่าเราจะมีกลุ่มเพื่อนต้องใช้เวลาในการปรับตัวเยอะเหมือนกัน เป็นหนึ่งปีที่ผมต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองคนเดียว เรียกว่าเหงาจริง แต่ว่าความเงียบกลับกลายทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความเงียบเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผมเลย และทำให้ผมคิดถึงคนรอบข้างมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ พี่น้องทุกคนเลย จากที่เราโตมา 17-18 ปี บางครั้งเราอาจจะรำคาญเสียงบ่นของเขา ผมจึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมมองถึงอนาคตและชีวิตของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเราจะเรียน ๆ เล่น ๆ ไปวัน ๆ แบบนี้? บีม-ศรัณยู ประชากริชจากอยู่บ้านเป็นคุณชายบีม แต่การต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่น หนุ่มบีมต้องทำเองทุกอย่าง ทำให้ชีวิตประจำวันของเขาต้องเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ?ผมอยู่อพาร์ตเมนต์คนเดียว ทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ซักเสื้อผ้า ทำอาหารบ้าง คือเราต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตตัวเอง จากที่เมื่อก่อนเราอยู่บ้านมีแต่คนทำให้แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ชีวิตผมเปลี่ยนเลยครับ จากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ญี่ปุ่นไม่มีรถขับ การที่เราจะไปไหนมาไหนแต่ละทีต้องนั่งรถหรือไม่ก็ปั่นจักรยานไปโรงเรียน ทุกวันนี้ที่เป็นเส้นเลือดขอดก็เพราะปั่นจักรยานนี่แหละครับ (หัวเราะ) เหมือนเป็นชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นนะครับ กับการปั่นจักรยานไปโน่นมานี่? แต่ชีวิตการเป็นนักศึกษาต่างชาติในแดนปลาดิบมีอันต้องปิดฉากไป บีม เล่าว่าเกิดเหตุการณ์น่าระทึกขวัญกับการที่เขาไปมีเรื่องกับพวกยากูซ่า ถ้าอยู่ต่อคงไม่ดีแน่ บีมจึงตัดสินใจเหินฟ้าต่ออีกครั้งไปยังซีกโลกตะวันตก ประเทศสหรัฐอเมริกา ?จากนั้นผมย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกา จนกระทั่งจบปริญญาตรีทางด้าน Interior Architecture Design จาก Academy of Art University ใช้ชีวิตอยู่ใน San Francisco, California, U.S.A. ชีวิตความเป็นอยู่ที่อเมริกาค่อนข้างสบายกว่าญี่ปุ่นครับ เพราะผมมีบ้านอยู่ที่โน่นแล้ว ไม่เหมือนกับอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ประกอบกับผมมีน้องเรียนอยู่ที่อเมริกาด้วย อยู่อเมริกาสบายกว่ามาก เพราะมีรถขับไปไหนมาไหน แถมวันศุกร์ต้องทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีไปรับน้องสาวมาบ้าน พอเย็นวันอาทิตย์ก็จะขับรถไปส่งด้วย เรียกว่าไม่เหงาเท่าไหร่? ?อเมริกาเป็นเมืองที่สบายมากสำหรับผม แต่ในเรื่องของกฎระเบียบนั้นตำรวจค่อนข้างเข้มงวดมาก กฎหมายเขาแรง และเราเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาม ต้องทำตามกฎของเขา ซึ่งทำให้ผมติดนิสัยความเคร่งครัดมาเหมือนกันนะ จะมาชิว ๆ เหมือนบ้านเราไม่ได้ คุณพ่อผมสอนไว้ว่าการไปอยู่อเมริกา การใช้ชีวิตต้องนิ่ง ใช้ชีวิตเป็นเส้นตรง คนอเมริกันเขา Friendly ด้วย ทำให้ผมรู้จักที่จะทักทายและสวัสดีคนก่อน เรียกว่าเป็นบีมคนใหม่เลยครับ? บีม-ศรัณยู ประชากริชกับการเลือกเรียนทางด้านสถาปัตย์ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวบอกว่าไม่มีประสบการณ์ในการวาดภาพต่าง ๆ มาก่อนเลย เขาได้แรงบันดาลใจมาจากไหน บีมบอกว่า ?ที่เลือกเรียนทางด้านสถาปัตย์ เพราะว่าผมเคยคุยกับพี่ชายไว้ว่าจะเรียนอะไรดี เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร พี่ชายบอกว่าเรียนถาปัตย์ก็น่าจะดีนะ ถ้าไม่รู้เรื่องยังไงเดี๋ยวจะช่วยดูให้ แต่ไป ๆ มา ๆ ผมต้องทำเองหมดเลยจนกระทั่งเรียนจบ คือเรื่องพื้นฐานการวาดรูปไม่มีเลย แค่เป็นคนชอบวาดภาพธรรมดาเท่านั้น พอไปเรียนจริง ๆ มีทั้งการเขียนแบบ การปั้น การวาดต่าง ๆ เต็มไปหมดครับ (หัวเราะ) ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเลย และมีศัพท์เฉพาะเยอะมาก ผมต้องมานั่งฝึกเองทุกอย่าง และโชคดีตรงที่ San Francisco เป็นเมืองศิลปะ มี Museum มี Public Art เยอะมาก และเขาให้ความสำคัญกับศิลปะมากครับ ซึ่งผมอยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้บ้าง คนไทยค่อนข้างซีเรียส อยากให้เด็ก ๆ เรียน ยิ่งในระดับมัธยมปลาย เด็ก ๆ ค่อนข้างจะเรียนอัดแน่นมาก เด็กไม่ค่อยมีสิทธิ์เลือก หรือได้เลือกก็ยังเป็นแกมบังคับ ผมว่าเราน่าจะให้ความสำคัญกับศิลปะและดนตรีให้มากขึ้น นี่คือมุมมองผมนะครับ? ?ในเรื่องการปรับตัวด้านการเรียน จริง ๆ แล้วผมไม่ใช่คนเรียนเก่งนะครับ ยิ่งตอนม.ปลายไม่เรียนเลย (หัวเราะ) ดื้อด้วย แต่การไปเรียนต่อที่อเมริกาทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป ผมคิดว่าในเมื่อผมมีโอกาสได้เรียนและทางบ้านเขามีกำลังพอที่จะส่งให้เราเรียนต่อได้ทำไมเร่ไม่รับโอกาสนี้ พอผมได้ไปอยู่ด้วยตัวเองทำให้ผมหลับตาแล้วนึกถึงอดีต รายละเอียดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผมทำไปนั้นมันไม่ดีเลย ผมทำให้พ่อแม่เสียน้ำตา ซึ่งแต่ละหยดเงินซื้อไม่ได้นะครับ นั่นคือบุพการีของเรา นอกจากจะพัฒนาตัวเองแล้ว พัฒนาภาษา ยังช่วยพัฒนาจิตใจผมด้วย? บีม-ศรัณยู ประชากริช4 ปีในอเมริกา บีมบอกว่าไม่เหงาเท่าญี่ปุ่น เนื่องจากมีน้องอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีครอบครัวและเพื่อนพ้องหมั่นเดินทางมาเยี่ยมเยียนกันอย่างสม่ำเสมอ ?เหตุการณ์ที่ประทับใจสำหรับผมตอนอยู่อเมริกาคงเป็นช่วงวันหยุดที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ตาม National Park ได้ไปเล่นสกีที่ทะเลสาบ ประกอบกับครอบครัวจะไปหาบ่อย ๆ เพื่อน ๆ จากเมืองไทยไปหาบ่อยด้วยทำให้ไม่ค่อยเหงาเท่าอยู่ญี่ปุ่น ถ้าถามว่าผมชอบเมืองไหนมากกว่า ผมชอบเที่ยว ชอบแสงสีมาก กว่าครับ ชอบสังคมในอเมริกัน แต่ชอบเที่ยวซื้อของในญี่ปุ่น และชอบอเมริกาตรงที่คนอเมริกันเขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ในมุมสี่เหลี่ยม ไม่ต้องมีผับที่ใหญ่มากมาย ไม่ต้องมีโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่อลังการเหมือนเมืองไทย ไม่ต้องมีที่นั่งฮันนีมูน ซีต ไม่ต้องมีที่นั่งโกลด์คลาส แต่เขาเป็นอเมริกันไอดอล การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ได้รับการดูแลจากรัฐบาลเป็นอย่างดี เป็นการใช้ชีวิตอย่างไม่โดนเอาเปรียบ ซึ่งตรงนี้เมืองไทยน่าจะนำมาพัฒนาได้? ในการด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ จากเด็กโรงเรียนอัสสัมชัญ และเคยไปเรียนซัมเมอร์คอร์สต่างประเทศมาแล้ว บีมบอกว่าภาษาอังกฤษที่ได้เรียนรู้มาและต้องนำไปใช้จริงนั้นค่อนข้างแตกต่าง ?พอไปอยู่อเมริกาจริง ๆ ผมต้องเริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษใหม่อีกครั้ง ก่อนที่ผมจะสอบ TOEFL ผมไปเรียนภาษาอังกฤษที่ English School ฝึก แกรมม่า ฝึกการออกเสียง เรียกว่าต้องเตรียมตัวกันอีกรอบครับ เพราะภาษาอังกฤษที่เรียนกับการใช้ในชีวิตประจำวันบางทีไม่เหมือนกัน แต่การพูดบ่อย ๆ จะทำให้เราออกสำเนียงที่ชัดเจนเหมือนเจ้าของภาษา สำคัญว่าทุกคนต้องกล้าพูดนะครับ? สุดท้ายหนุ่มบีมฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังจะตัดสินใจเหินฟ้าไปศึกษาต่อต่างประเทศ อยากให้ทุกคนคิดถึงอนาคตของตัวเองเป็นสำคัญ ถ้ามีโอกาสได้ไปจงหยิบโอกาสนั้นไว้ แล้วตั้งใจเรียนให้เต็มที่ หยิบประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้กลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตแก่ตัวเอง ที่มา " เรียนรอบโลก " ผู้เขียน : oakky วิไลรัตน์ ต่ายประยูร ช่างภาพ : พี่ดอน ++ สาระ ความรู้ การเรียน การศึกษา แฟชั่นอินเทรนด์ คลิก!!! http://campus.sanook.com/

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ บีม-ศรัณยู เปิดบันทึกนักเรียนนอก จาก Osaka สู่ San Francisco

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook