นักวิชาการชี้ปฏิรูปการศึกษาไทยต้องพัฒนาครูพันธุ์ใหม่ จัดงบถึงนักเรียน
นักวิชาการ ระบุการปฏิรูปศึกษาไทยต้องพัฒนาครูพันธุ์ใหม่ จัดงบฯ ให้ถึงนักเรียน นโยบายต้องมุ่งมั่นและต่อเนื่อง สร้างวัฒนธรรมให้เด็กไทยเก่ง ดี และมีสุข ใฝ่รู้ด้วยตัวเอง ด้าน ผอ.สถาบันรามจิตติ แนะสร้าง สสส.การศึกษา ขับเคลื่อนการพัฒนาการเรียนการสอน
ในการสัมมนาเรื่อง ปฏิรูปการศึกษาเพื่อสุขภาวะคนไทย ทำอย่างไรให้สำเร็จ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นเชิงลึกจากนักวิชาการการศึกษาที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาเพื่อสุขภาวะคนไทย
นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ หัวหน้าโครงการปฏิรูปการศึกษาเพื่อสุขภาวะคนไทย (ปศท.) กล่าวว่า ความสำเร็จของการศึกษาไทยหัวใจหลักอยู่ที่คุณภาพครู การพัฒนาครูให้เป็นผู้สอนที่มีประสิทธิภาพ การสร้างระบบการศึกษาที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน ซึ่งปัญหาการศึกษาไทยอยู่การขาดความมุ่งมั่นและต่อเนื่องในการยกระดับคุณภาพ ในช่วง 8 ปีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีรัฐมนตรีถึง 12 คน การไม่สอดคล้องระหว่างโครงสร้างกับคุณภาพบุคลากร เช่น จำนวนโรงเรียนมาก แต่งบไปไม่ถึงนักเรียน ร้อยละ 80 ใช้เป็นงบด้านบุคลากร เป็นต้น ส่วนทางออก ควรทำโครงการครูพันธุ์ใหม่ให้เป็นจริง จัดสรรทรัพยากรงบประมาณให้ถึงตัวนักเรียน นายสมพงษ์ จิตระดับ จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 เชื่อว่ายังไม่น่าสิ้นสุดต้องมีรอบ 3 ด้วย หลักการคือ คุณภาพผู้เรียนต้องมาก่อน ตามด้วยการกระจายอำนาจทางการศึกษา เด็กไทยยุคใหม่ต้องถูกกำหนดทิศทาง เช่น เก่ง ดี มีความสุข ใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเองพร้อมมีจิตสาธารณะ และภูมิใจความเป็นไทย การไปถึงจุดนั้นได้อาจปรับการเรียนลดภาควิชาการลงร้อยละ 30 เพิ่มการเรียนรู้นอกห้องเรียน โรงเรียนต้องเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพ ครูพันธุ์ใหม่ต้องสอนตั้งโจทย์คิดวิเคราะห์ ปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นกึ่งราชการ นายอมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า แก่นการศึกษาคือ Experience Learning เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ใช้ได้ตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัย ไม่ควรมุ่งหวังให้ ศธ.เป็นผู้ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาฝ่ายเดียว แต่ควรให้มีกลไกเสริม เช่น มี สสส.การศึกษาขึ้น ระดมทุนให้โรงเรียนได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อย่างฮ่องกงมีโรงเรียน 1,000 โรง แต่ละแห่งได้ทุนทำห้องแล็บหรือโรงฝึกวิชาชีพแล้วนำมาแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ในไทยองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นควรเข้ามารับผิดชอบ โดยเฉพาะเด็กนอกระบบที่มีมากนับแสนคน เพื่อให้การศึกษาแก่เด็กกลุ่มเสี่ยง ขอย้ำว่าเด็กจะดีได้ ผู้ใหญ่ต้องช่วยกันออกแบบพื้นที่กิจกรรมดีให้.-สำนักข่าวไทย