ประเดิมกรุงเทพฯ และภาคกลาง ก่อนลุยทุกภาคทั่วประเทศ
เด็กไทยร่วมใจแสดงพลังทั่วประเทศ เริ่มสตาร์ทรอบแรกในส่วนกรุงเทพฯ และภาคกลางกับการประกวด
แฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2552 - 2553 ภายใต้หัวข้อ
ร่วมทำสิ่งดีๆ ที่แตกต่าง เพื่อเรา...เพื่อโลก โดยมีทีมที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 170 ทีม จาก 6 ภาค ได้แก่ ส่วนกรุงเทพฯ, ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคเหนือ, ภาคตะวันออก และภาคใต้
ล่าสุด
กลุ่มธุรกิจ โคคา - โคลา ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ได้จัดการประกวดรอบแรกของ
แฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 14 ผ่านกิจกรรมฐานพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งร่างกายและบุคลิกภาพ สติปัญญา รวมถึงอารมณ์และสังคม โดยมี ผู้
ช่วยศาสตราจารย์เฉลิมพล ดาวเรือง เป็นประธานกรรมการการตัดสินฯ ประเดิมที่ส่วนกรุงเทพฯ และภาคกลางเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ในบรรยากาศสนุกสนาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องๆ เยาวชนกว่าร้อยชีวิต
นายธงชัย ศิริธร ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเยาวชน จึงได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชนจัดโครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทยขึ้น โดยเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2527 เพื่อพัฒนาศักยภาพและเติมเต็มประสบการณ์ให้กับเยาวชน ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา โครงการฯ ได้ผลิายุวฑูตที่เติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของชาติกว่า 200 คน ดังนั้น โครงการแฟนต้ายุวทูตจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่เวทีประกวดเพื่อสรรหาผู้ชนะเลิศเท่านั้น แต่เป็นเวทีที่สร้างโอกาสและส่งเสริมให้เยาวชนพัฒนาศักยภาพ การเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะในการใช้ชีวิตในสังคม ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีงาม และคุณธรรมไปพร้อมๆ กัน
ผศ.เฉลิมพล ดาวเรือง ประธานกรรมการตัดสิน โครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน กล่าวว่า แนวความคิดในการจัดกิจกรรมและการคัดเลือกแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2552 2553 นั้น มีหลักการที่ชัดเจนว่ามุ่งเน้นการจัดกิจกรรมและการคัดเลือกเยาวชน ภายใต้ปรัชญา แฟนต้ายุวทูตสร้างสรรค์เยาวชนไทย ก้าวไกลสู่สากล โดยแฟนต้ายุวทูตต้องมีพื้นฐานอยู่บน
กระบวนการส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน และมีลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ของพลเมืองไทยที่มีคุณภาพในอนาคต 5 ด้าน คือการสร้างสัมพันธภาพ, การมีสามัญสำนึก, การสร้างผลิตภาพ, การทำงานเป็นทีม และท้ายสุดการแก้ไขปัญหา โดยกิจกรรมในรอบแรกนี้ เป็นการปลุกเร้าเซลล์สมองให้หลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งจะทำให้เกิดการตื่นตัวไปในทิศทางที่ผ่อนคลาย อันจะนำไปสู่การเรียนรู้ ที่ผ่านฐานเล่ากิจกรรมทำดี, การแสดงความสามารถพิเศษของทีม และท้ายสุดกับสถานการณ์สมมุติ ซึ่งเป็นการฝึกทักษะความคิด ช่วยพัฒนาสมองซีกซ้ายและซีกขวาให้ทำงานไปพร้อมๆ กัน เริ่มจาก 1.คิดต่าง 2. คิดยืดหยุ่น 3.คิดริเริ่ม และ 4.คิดละเอียดลออ โดยในแต่ละรอบกรรมการผู้ตัดสินจะสร้างปฏิสัมพันธ์กับเยาวชนทุกคน เพื่อสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ที่มีประสิทธภาพ โดยจะพิจารณาคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนโดยใช้หลักทฤษฎีและองค์ประกอบต่างๆ ที่เหมาะสมเพื่อคัดเลือกให้ได้แฟนต้ายุวทูตที่มีความพร้อมมากที่สุด
โดยผู้ครองตำแหน่งแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทยทั้ง 18 คนจาก 6 ภาค ซึ่งจะประกาศผลในรอบสุดท้ายระหว่างเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคมนั้น จะได้เดินทางไปทัศนศึกษา และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม พร้อมร่วมงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ที่ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
อนึ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน โดยในปีนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด, สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย, บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), ห้างสรรพสินค้าโอเดียนช็อปปิ้งมอลล์ หาดใหญ่, บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด, บริษัท แอลจี อิเล็คทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2984-2745 และ 0-2984-2742 หรือ
www.fyathai.com
