2 กลุ่มนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต สร้างประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน ส่งแผนการตลาดเข้าประกวด 2 เวทีระดับประเทศ โดยกลุ่มแรกภายใต้ชื่อทีม The Winner ผ่านเข้ารอบ 40 ทีม โครงการประกวดแผนสื่อสารการตลาด ภาพยนตร์แอนิเมชั่น WALL*E Disney Marketing Academy Award 2008 ในขณะที่กลุ่ม 2 ภายใต้ชื่อ Active Team คว้ารางวัลชมเชยโครงการประกวดแผนการตลาดร้าน Power Buy ภายใต้ชื่อ เซ็นทรัล กรุ๊ป จูเนียร์ มาร์เก็ตเทียร์ ด้านอาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังเผยหวังให้นักศึกษาเปิดโลกทัศน์และรู้จักนำความรู้มาบูรณาการได้
นางสาววิไลลักษณ์ จันทะสี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ตัวแทนกลุ่ม The Winner ซึ่งประกอบด้วย นายพลชัย แซ่เหยิน นางสาวณัฐยา วราเอกศิริ นายมณฑล ผลาหาญ และนางสาวพรพิมล ลูกหวาน กล่าวว่า สมาชิกในทีมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเพิ่งมาเจอกันในวิชาการตลาดจึงลองมาจับกลุ่มทำงานร่วมกันและได้รับการสนับสนุนจาก ดร.วุธพงศ์ ลาภเจริญ ให้ทำการแข่งขันในโครงการประกวดแผนสื่อสารการตลาด ภาพยนตร์แอนิเมชั่น WALL*E Disney Marketing Academy Award 2008 ทั้งนี้ ผลงานของทีมมีจุดเด่นตรงที่แผนงานทั้งการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขายและการตลาด มีความแตกต่างกันเพื่อสร้างจุดเด่น แต่เมื่อมองในภาพรวมยังคงสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน ส่งผลให้แผนงานของทีมสามารถผ่านเข้ารอบ 2 เป็น 1 ใน 40 ทีมให้ทำการแข่งขันภาคสนาม โดยจะเป็นการออกบู๊ทหน้าโรงภาพยนตร์ ลักษณะเป็นการจัด event โดยมีคอนเซ็ปว่าต้องแลกหางตั๋วภาพยนตร์เรื่อง WALL*E ให้ได้มากที่สุด ซึ่งทีมของเราได้ไปออกบู๊ทที่โรงภาพยนต์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์บางนา มีการจัดกิจกรรมถ่ายภาพสติ๊กเกอร์ที่มี Background เป็นภาพจากภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีการแจกของพรีเมี่ยม เช่น ถุงผ้าลดโลกร้อนและของที่ระลึกจากภาพยนตร์
แม้ทุดแล้วทีมของเราจะไม่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ แต่เราได้รับประสบการณ์จริงๆ จากการเข้าร่วมการประกวดแผนธุรกิจในครั้งนี้ โดยเฉพาะการออกบู๊ธซึ่งต้องรับผิดชอบการการจัดกิจกรรม ดูแลงบประมาณ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่ม อีกทั้งยังได้นำสิ่งที่เรียนมาประยุกต์ใช้ด้วย ยิ่งทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราได้เรียนมาสามารถนำมาใช้ได้จริงกับการทำงาน เพราะไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎีแต่สามารถนำมาปฎิบัติได้อีกด้วย นางสาววิไลลักษณ์ กล่าว
ด้านกลุ่ม Active Team ที่สามารถคว้ารางวัลชมเชยจากการประกวดแผนการตลาดร้าน Power Buy ภายใต้ชื่อโครงการ เซ็นทรัล กรุ๊ป จูเนียร์ มาร์เก็ตเทียร์ มาครอง มีสมาชิกในทีมประกอบด้วย นางสาวปริยกร สุจริตรัฐ นางสาวกชพร ฟักสุวรรณ นางสาวธนพร กิมทรง และนางสาวเปมิกา นุ่นพันธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
การได้เข้าร่วมการแข่งขันในโครงการดังกล่าวช่วยสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องของการเป็นนักการตลาดที่ดี ซึ่งต้องฝึกฝนหาประสบการณ์ เพราะการมีประสบการณ์ที่ดีสามารถต่อยอดไปถึงอนาคตในการทำงานต่อไปได้ โดยแผนการตลาดของเรามีจุดเด่นที่เราแผนงานสามารถนำมาปฎิบัติงานได้จริง ซึ่งทำให้กลุ่มของเราได้คะแนนในจุดนี้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ยังได้ประสบการณ์ในเรื่องของการประมวลความรู้ เป็นการนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมาใช้จริง ถือเป็นการทบทวน อีกทั้งยังต้องบวกความพยายามเข้าไปในการทำงานนี้ด้วย ไม่ว่าจะเบื่อ เหนื่อย ท้อ แต่ในที่สุดก็ต้องทำและทำให้สำเร็จผล รวมถึงต้องขอบคุณ ดร.วุธพงศ์ที่ให้คำปรึกษา คอยคอมเม้น แก้ไขตลอด อีกทั้งยังเสนอแนะทำให้เราเกิดไอเดียเพิ่มเติมอีกด้วย นางสาวปริยกร กล่าวเสริม
ในขณะที่ ดร.วุธพงศ์ ลาภเจริญ รองคณบดีฝ่าิชาการ หัวหน้าสาขาวิชาการตลาด และหัวหน้าสาขาวิชาโลจิสติกส์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การตลาดเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ดังนั้น นอกจากความรู้ที่นักศึกษาจะได้รับจากภายในห้องเรียนแล้วต้องรู้จักนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์และรู้จักนำความรู้มาบูรณาการได้ เพราะเวลาเรียนนักศึกษาจะได้เรียนเป็นวิชาๆ ไป แต่ในการทำกิจกรรมการประกวดแผนธุรกิจในลักษณะนี้ นักศึกษาจะได้นำความรู้แต่ละวิชาเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้จริง ทำให้นักศึกษาสามารถใช้ความคิดแบบบูรณาการได้ ทุกอย่างมันจะเชื่อมโยงกันหมด และอีกจุดหนึ่งคือนักศึกษาจะต้องใช้เทคนิคในการหาข้อมูลสื่อใหม่ๆ วิทยาการต่างๆ เพื่อตอบสนองโจทย์
ในฐานะของอาจารย์ผู้สอนก็จะต้องสนับสนุนนักศึกษา ทำให้เกิดความกระตือรือร้นตลอดเวลา และจริงๆ แล้ว ไม่อยากให้นักศึกษารู้สึกว่า การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนไม่ใช่คนเก่ง จึงไม่กล้าที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน แต่อยากให้ทุกคนกล้าที่จะก้าวออกไปฝ่าขวากหนาม เพราะมันจะทำให้เราได้รู้จักการแก้ไข และที่สำคัญหากเราจะได้เริ่มนับหนึ่งแล้วและถ้าเราก้าวต่อไปได้ มันจะทำให้นักศึกษาเกิดความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป ดร.วุธพงศ์ กล่าว
