ม.วลัยลักษณ์ ประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

ม.วลัยลักษณ์ ประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ในพื้นที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงมยุรี วศินานุกร คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นประธานการประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดและจัดทำมาตรการป้องกันการเฝ้าระวังโรคร่วมกับคณะแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุด มีผู้ป่วยชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชเสียชีวิตและพบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดดังกล่าวที่โรงพยาบาลท่าศาลาแล้ว ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขและที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยมีการจัดทำมาตรการป้องกันและดูแลการแพร่กระจายโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อดำเนินการภายในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมทั้งการประสานส่งต่อผู้ป่วยร่วมกับโรงพยาบาลท่าศาลา การประชาสัมพันธ์คำแนะนำการป้องกันตัวเองให้นักศึกษาและบุคลากรได้ตระหนักและให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง การจัดเตรียมหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ สบู่ล้างมือตามอาคารต่างๆภายในมหาวิทยาลัย การเฝ้าระวังบุคลากรและนักศึกษากลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว การคัดกรองบัณฑิตและผู้ปกครองที่จะเข้าร่วมในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร การรณรงค์ให้หน่วยงานทำความสะอาดภายในสำนักงานบ่อยขึ้น เป็นต้น อย่างไรก็ตามวิธีลดการแพร่เชื้อที่ดีที่สุด หากนักศึกษาหรือบุคลากรมีอาการไข้หวัด ไอ จาม ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน และหยุดเรียน หยุดทำงานจนกว่าจะหาย หากอาการไม่ดีขึ้น มีไข้สูงมากควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที ด้านแพทย์หญิงอรุณศรี กิจวัฒนา นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลท่าศาลา กล่าวว่า โรงพยาบาลท่าศาลาได้ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังในพื้นที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากอาจารย์และนักศึกษามีการเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อยครั้ง จึงมีโอกาสรับเชื้อเข้ามาเผยแพร่ได้สูงและได้เตรียมสุ่มตรวจเชื้อเพื่อติดตามการแพร่ระบาดต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์เชื้อค่อนข้างสูง หากห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัยสามารถตรวจวิเคราะห์เชื้อได้ จะไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากนัก ด้านวัคซีนไข้หวัดใหญ่คาดว่าจะใช้ได้ภายในสิ้นปีนี้ และอยากแนะนำนักศึกษาให้ความสำคัญในการระมัดระวังดูแลตนเองมากขึ้น และควรออกกำลังกายเป็นประจำ ให้ร่างกายตนมีภูมิคุ้มกัน เพื่อลดโอกาสการเป็นโรคนี้ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook