ความเชื่อโบราณกับฟ้าร้องฟ้าแลบ

ความเชื่อโบราณกับฟ้าร้องฟ้าแลบ

ความเชื่อโบราณกับฟ้าร้องฟ้าแลบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความเชื่อของคนโบราณฟ้าร้องฟ้าแลบ

นี่ก็ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว หลายคนคงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศที่จะเปลี่ยนจากความร้อนอบอ้าว ไปเป็นเสียงฝนตก ฟ้าร้อง เสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นอยู่ครืนโครมนี่เอง ที่ทำให้คนประสาทอ่อนหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องฟ้าร้องฟ้าแลบนี้มีอยู่ เป็นความเชื่อของคนโบราณ ซึ่งมีอยู่ในวรรณคดีเรื่อง เมขลาล่อแก้วกับรามสูรขว้างขวาน นั่นเอง เรื่องเมขลากับรามสูรเป็นเรื่องที่ควรศึกษาเรื่องเหนึ่งเพราะเป็นวรรคดี สำคัญที่มีจินตนาการอย่างแปลกมาก คือกวีคิดว่าการฟ้าแลบฟ้าร้องนั้นก็เพราะเมขลากับรามสูรรบกัน

ขอพูดถึงนางเมขลาก่อน นางเมขลานั้นเป็นอัปสร เธอมีแก้ววิเศษดวงหนึ่ง ด้วยเหตุที่เมขลามีแก้วเป็นของวิเศษ บางทีคนจะเรียกนางว่า มณีเมขลา หนังสือสมญาภิธานรามเกียรติ์ของพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ให้ลักษณะของนางว่า เป็นนางฟ้าเจ้าแม่มหาสมุทร , สีเมฆมอ มีดวงแก้ววิเศษ เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องข้างพราหมณ์ที่ถือว่านางมณีเมขลาเป็นเจ้าแม่ มหาสมุทร ในชาดก ทางพระพุทธศาสนาก็มีเช่นเดียวกัน ถือว่านางมณีเมขลาเป็นเทพธิดานางสมุทรเหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากเรื่อง สมุทรโฆษคำฉันท์ นางมณีเมขลามิได้กระทำหน้าที่ช่วยพระโพธิสัตว์ให้พ้นภัยในมหาสมุทร พระอินทร์จึงตำหนินางเมขลาว่าไม่ใฝ่ใจต่อหน้าที่ จึงยุติได้ว่านางมณีเมขลานั้นมีอยู่อยู่ในทางศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ

ส่วนศัตรูสำคัญของนางเมขลานั้นเป็นอสูรหรือยักษ์มีนามว่า รามสูร รามสูรเป็นอสูรเทพบุตร ซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก สีกายเขียว มีขวานเพชรเป็นอาวุธ รามสูรอยู่สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นนักเลงโตบนเวหา มีชื่อเรื่องเที่ยวเกะกะระรานเทวดา

รามสูรเคยรบกับกับอรชุนซึ่งเป็นเทวดานักรบขณะท่องเที่ยวอยู่ในอากาศและแย่ง กันชมอัปสร เทพอรชุนเสียท่าถูกรามสูรจับสองเท้าฟาดเขาพระสุเมรุจนเขานั้นทรุด เทพอรชุนจึงเสียชีวิต รามสูรโอหังถึงขนาดท้ารบกับพระราม และยอมแพ้เมื่อทราบว่าพระรามมี ๔ กร คือเป็นพระนารายณ์

ครั้งหนึ่งเป็นเทศกาลวสันตฤดู เทวดาและอัปสรต่างจับระบำรำฟ้อนกันอย่างสนุกสนาน และคราวนั้นเองรามสูรได้พบกับนางเมขลา และนางเมขลาได้ใช้แก้วล่อ รามสูรก็ขว้างขวานอยู่เปรี้ยงๆ ดังเนื้อหาในวรรณคดีที่ว่า... 

เมื่อนั้น
เลี้ยวไล่รามสูรอสุรี
ทำทีประหนึ่งจะให้แก้ว
ครั้นรามสูร เลี้ยวไล่มา
นางแกล้ง เลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
มือหนึ่งชูดวงมณี

เมื่อนั้น
ครั้นแสงแก้วแวววับจับ ตา นางเมขลามารศรี
กรโยนมณีจินดา
กรอกแสงพราว แพรวบนหัตถา
กัลยาเลี้ยวไล่อสุรี
เวียนไปตาม จักรราศี
ทำทีเยาะเย้ยอสุรา
รามสูรสิทธิศักดิ์ ยักษา
อสุรากริ้วโกรธคือไฟ

ไทยเราคิดเห็นไปว่าเมื่อเวลาฟ้าแลบฟ้าร้องนั้น ก็คือเวลาเมขลาล่อแก้วและรามสูรขว้างขวานนี่เอง แสงแก้วคือแสงฟ้าแลบ เสียงขวานคือฟ้าร้อง

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก http://www.rspg.thaigov.net
โครงการ อนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook