ศิษย์เก่านิเทศฯ รังสิต กับความภูมิใจเมื่อได้เป็น "กบ"

"กบนอกกะลา" เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อรายการนี้ และหลายๆ คนคงเป็นแฟนรายการนี้เช่นกัน เพราะกบนอกกะลาเป็นรายการสารคดีคุณภาพ ที่นำเสนอแง่มุมความเป็นจริง ความเป็นมา และความเป็นไปของเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ด้วยความคับคั่งแห่งคุณภาพจึงทำให้รายการนี้ ได้รับรางวัลนาฏราชสาขา "สารคดียอดเยี่ยม" จากการประกาศผลรางวัล "นาฏราช" ครั้งที่ 1 ประจำปี 2552 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจของคนวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งจัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และรางวัลฐานันดร 4 ทองคำ จากมหาวิทยาลัยรังสิตอีกด้วย และนี่จึงยิ่งเป็นความภูมิใจของมหาวิทยาลัยรังสิตที่ นางสาวสุดารัตน์ เกิดสว่าง หรือ พี่แนน ศิษย์เก่าสาขาวิชาวิทยุกระเสียงและวิทยุโทรทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น "กบรุ่นใหม่" ประจำรายการกบนอกกะลา

หลังจบการศึกษาเมื่อปี 2548 พี่แนนเริ่มสมัครงานโดยเลือกที่บริษัททีวีบูรพาเป็นที่แรก เพราะต้องการรายการสารคดีและมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับที่นี่ แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นบัณฑิตใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน

"สมัครงานไว้ที่อื่นๆ ด้วย และก็ได้รับการติดต่อให้ไปร่วมงานกับบริษัทผลิตรายการทอล์กโชว์รายการหนึ่ง เราก็ทำงานเป็นครีเอทีฟ เขียนบทพิธีกร และเป็นผู้ประสานงานอยู่ประมาณเกือบปี หลังจากนั้นก็ทราบข่าวการประกาศรับสมัครพิธีกรรายการ กบนอกกะลา รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยก็แนะนำให้ไปสมัครดู ก็รู้สึกสนใจนะ (หัวเราะ) เพราะเราอยากทำงานรายการสารคดีสไตล์นี้อยู่แล้ว วันที่ไปสัมภาษณ์รอบแรกก็เตรียมตัวไปอย่างดี และก็ได้เข้ารอบ 100 คน ต่อมาเขาก็นัดไปคัดหน้ากล้อง ให้ลองเป็นพิธีกรดู ก็โชคดีมาก เราก็เข้ารอบ 12 คนสุดท้าย และรอบต่อไปเขาก็คัดเหลือ 4 คน แต่เราไม่ติด ก็ไม่เสียใจนะ เพราะตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว"

ด้วยความตั้งใจที่ได้แสดงออกมา รุ่งเช้าทางรายการติดต่อมาสอบถามว่าสนใจเป็นพิธีกร (ภาคสนาม) รายการอื่นหรือเปล่า เราสนใจจึงลองทำดู เขาก็ให้เราไปเป็นทีมงานคุณภาพในรายการ "จุดเปลี่ยน" ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นบทบาทพิธีกรที่ได้ออกจอเต็มตัวก็ตาม วิธีการทำงานตอนนั้น ต้องเตรียมข้อมูลและออกพื้นที่ เพื่อเป็นพิธีกรทางเสียง รู้สึกสนุกนะ ทำงานนี้อยู่ประมาณเกือบปี ก็พลิกผันเมื่อรายการจุดเปลี่ยนใกล้หมดสัญญา เราจึงได้รับการชักชวนจากพี่เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ให้มาลองเป็นกบ มันเหมือนโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มาถึง จึงสนใจเป็นอย่างมาก

"แม้จะเป็นพิธีกร แต่ในการทำงานเราก็ต้องเขียนบทเอง หาข้อมูลต่างๆ เพื่อทำเป็นสคริปต์ในการถ่ายทำ ก็ได้นำความรู้สมัยเรียนมาประยุกต์ แม้ว่าทุกอย่างจะไม่ได้ง่ายเหมือนตอนเรียน แต่ทุกอย่างนี้ก็เป็นเสมือนพื้นฐานเพื่อให้เราทำงานได้ การได้เป็นพิธีกรรายการกบนอกกะลา เป็นอะไรที่สนุก ทั้งเหนื่อย ทั้งลำบาก และต้องอดทน แต่ทุกอย่างทำแล้วเรามีความสุข ยิ่งเมื่อเทปนั้นได้ออกอากาศออกไปแล้วคนพูดถึง เยาวชนได้ดูได้รับความรู้ก็ยิ่งเป็นส่วนผลักดันให้เรายิ่งตั้งใจ อยากให้ทุกคนได้รับความรู้จากรายการกบนอกกะลา ซึ่งทำให้เรามีความสุขกับการทำงานตรงนี้" นางสาวสุดารัตน์ กล่าว

สุดท้ายอยากฝากถึงน้องๆ หากใครมีความฝันอยากจะเป็นหรืออยากจะทำงานในแวดวงโทรทัศน์ ไม่ว่างานใด จะเป็นเบื้องหลังหรือเบื้องหน้าก็อยากให้ตั้งใจทำ คิดไว้ว่าสุดท้ายแล้วทุกคนมีส่วนในการสร้างสรรค์ผลงานเหมือนกัน เปิดใจให้กว้างเพื่อให้เราได้รู้และสัมผัสกับประสบการณ์ เพราะมันจะเป็นเส้นทางแห่งโอกาสที่จะมาหาเราเอง