น้องสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010

น้องสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010

น้องสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ค่ำคืนวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์มีโอกาสได้ต้อนรับนางงามคนใหม่ น้องสิ สิริรัตน์ เรืองศรี

สาวน้อยมากความสามารถจากรั้วพ่อขุน ที่พกพาความความสามารถมาเต็มพิกัด บวกกับใจที่มีพลังเกินร้อย ทำให้เธอคว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010 มาครองได้เป็นผลสำเร็จ และก่อนที่คิวสัมภาษณ์ของเธอจะยาวเหยียดเป็นหางว่าว เราเลยถือโอกาสตรงดิ่งสู่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ชวนเธอมานั่งชิลๆ พูดถึงความรู้สึกหลังได้รับตำแหน่ง

ยกภูเขาออกจากอก ความรู้สึกหลังได้รับตำแหน่ง
ตอนที่ประกาศผล 5 คนสุดท้าย สิไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับตำแหน่ง แต่ก็คิดไว้ในใจแล้วว่าเขาคงให้ตำแหน่งอะไรสักอย่างเรา แต่พอประกาศเหลือสามคน เฮ้ย! เบอร์ 8 เรายังอยู่ พอประกาศว่าเป็นเรา โฮวว...ดีใจมาก เพราะสิมาประกวดครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งที่แล้วเราตั้งใจและพยายามมากเกินไป ทำอะไรออกมามันก็เลยดูแข็งไปหมด มาครั้งนี้เรามาแบบปล่อยวางขึ้น บอกตัวเองว่ามีความสุขกับการแสดงไปแล้วกันนะ มีความสุขกับการได้อยู่บนเวทีนี้ก็พอ มันก็เลยทำให้เราทำออกมาแบบสบาย ๆ มากขึ้น มันดูเป็นธรรมชาติ กลายเป็นว่ามันทำให้เราดูดีขึ้นมา

ความหวังของทางบ้านกับการประกวด
สิมีพี่น้อง 4 คน เป็นผู้ชาย 3 คน มีสิเป็นน้องสุดท้องและเป็นผู้หญิงคนเดียว คุณป้า คุณน้า ทุกคนไม่มีลูกสาว มีสิเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน เขาจะปั้นแต่งให้สิเป็นสาวหวาน ให้เรียบร้อย แต่สิโน่น ไปปีนต้นไม้อยู่หลังบ้าน จับปลากับเพื่อน ด้วยความที่เรามีพี่น้องเป็นผู้ชาย และเด็กแถวบ้านก็เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ เราก็เลยเติบโตมาแบบเด็กผู้ชาย พอโตขึ้นมาบรรดาแม่ ๆ น้า ๆ ก็อยากให้สิประกวด ครั้งแรกที่มาประกวดสิก็ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นลงมากรุงเทพฯ และจะกลับเชียงใหม่แล้ว แต่แม่ชวนไปดูเขาประกวดนางงาม สิก็อยากดูว่าเขาทำกันยังไง ปรากฏว่าพอสิมาถึง ด้วยความที่สิยังเด็ก ตัวสูง แต่ดูมั่นใจ พี่ที่รับสมัครเขาก็เลยให้สมัคร แล้วบอกว่าค่อยส่งเอกสารตามหลังมา แล้วก็เข้าไปคัดเลือก ปรากฏว่าสิผ่านการคัดเลือก วันต่อมาเขาก็ให้มาสัมภาษณ์ สิต้องใส่เสื้อผ้าชุดเดิมมาสัมภาษณ์ ยังแอบคิดว่าพี่เขาจะจำได้ไหมว่าใส่เสื้อผ้าชุดเดิมมา (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นตกรอบกลับไป ก็เลยกลับไปฟิตตัวเองกลับมาใหม่

ไม่ว่าจะเป็นใครในสังคม ความสำคัญอยู่ที่การวางตัว
สิว่าคนเราไม่ว่าจะเป็นใครตำแหน่งไหน ความสำคัญอยู่ที่การวางตัว แต่สิก็พยายามจะไม่ปั้นแต่งอะไรมาก อยากให้ทุกคนรู้จักสิในแบบที่สิเป็น ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนซะจนไม่ใช่ตัวเรา เมื่อก่อนสิอาจจะพูดไปด้วยเต้นไปด้วย พอเป็นนางงามสิก็พูดอย่างเดียว ไม่เต้นไปด้วยอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) สิเป็นคนสนุกสนานร่าเริง สิก็อยากเป็นอย่างนั้นอยู่ ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะทำให้สิเปลี่ยนหน้าที่เป็นอีกคนแค่ข้ามคืน แต่ก็อยากที่จะเป็นตัวของตัวเองอยู่ ก็พยายามปรับจูนให้ทุกอย่างเข้ากันให้ได้

เลือกเรียนรามฯ เพราะไม่อยากเอ็นทรานซ์
ตอนแรกคิดว่าจะไปเรียนเมืองนอกอย่างเดียว ตอนมัธยมปลาย สอบชิงทุนไปเรียนที่อเมริกาได้ แต่คุณพ่อบอกว่าเด็กไป ไม่ให้ไป พอจบ ม.6 สิสอบชิงทุนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นได้ คุณพ่อบอกว่าไม่ได้! ไม่ได้! 4 ปี มันนานไป คุณพ่อก็ไม่ให้ไป สิก็เลยบอกคุณพ่อว่าถ้าอย่างนั้นโอเค สิเรียนเมืองไทยก็ได้ แต่สิไม่อยู่เชียงใหม่นะ และต้องให้สิเลือกมหาวิทยาลัยเองด้วย สิก็เลยเลือกเรียนที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงเพราะว่าสิเรียนอนุบาลจนถึงมัธยม เรียนเช้ากลับเย็นแบบนี้ทุกวัน สิคิดว่าชีวิตเราน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ชีวิตไม่ควรจะแคบ เหมือนเพื่อนสิบางคนพยายามเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยมากเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบคณะนั้นไหม เขาต้องการความมั่นคง แต่สิมีสภาพจิตใจที่มั่นคงพอที่จะไม่ต้องยึดเหนี่ยวกับอะไร ก็เลยไม่เอ็น ทรานซ์ สิรู้ว่าสิต้องการเรียนกฎหมาย เพราะคุณพ่อสิเป็นทนายความ สิมีคุณพ่อเป็นไอดอล ก็คิดว่าทำยังไงถึงจะเป็นอย่างท่านได้บ้าง ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ เพื่อที่จะได้ดำเนินรอยตามคุณพ่อ

เรียนกฎหมายไม่ได้ยากอย่างที่คิด
มีคนบอกว่านิติศาสตร์รามฯ ยากนะ สิจะไหวเหรอ แต่สำหรับสิมันไม่ยากนะ นิติศาสตร์เป็นวิชาแขนงเดียวคือสังคมวิทยา ปีหนึ่งก็จะเรียนวิชาพื้นฐานกับเพื่อน ๆ คนอื่น แต่พอปีสองก็จะแยกมาเรียนวิชากฎหมาย กฎหมายแพ่ง พาณิชย์ อาญา รัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญของวิชานี้คือการท่องจำและทำความเข้าใจ ถามว่ามาตรตราต่าง ๆ ยากไหม มันอยู่ที่ความจำ การอ่านหนังสือและการตอบโจทย์ให้ชัดเจน ถูกคือถูก ผิดคือผิด เนื้อความเป็นยังไงผลก็เป็นอย่างนั้น สิไม่สามารถเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก เปลี่ยนถูกให้เป็นผิดได้ เพราะทุกอย่างมันเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย สิจะมีเทคนิคที่ทำเพื่อให้ตัวเองจำได้คือ สิเป็นคนที่จะจำได้ก็ต่อเมื่อเขียน อ่านมาตราไหนสิก็ต้องเขียนก่อน อ่านแล้วเอามาทำความเข้าใจ เอามาเขียนในภาษาเรา แล้วก็ท่อง แต่ว่าก่อนเข้าห้องสอบห้ามใครมายุ่งกับสินะ เดี๋ยวที่ท่องมาจะหล่น (หัวเราะ) ก็จะบอกเพื่อนว่าท่องอยู่ ท่องอยู่ สิไม่ค่อยได้ไปเรียนเหมือนคนอื่น แต่จะอยู่กับบ้านอ่านหนังสือแล้วไปสอบมากกว่า

เรียนกับงานต้องบริหารเวลา
เรียนรามฯ มันยากตรงที่มันสามารถหลุดวงโคจรได้ตลอดเวลา เพราะว่าไม่มีใครบังคับนะว่าคุณต้องไปเรียนตอนเที่ยง เรียนตอนบ่ายนะ เลิกเรียนต้องทำงานอ่านหนังสือ มันอยู่ที่ว่าเราต้องมีวินัยกับตัวเอง ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง สิมีคุณพ่อเป็นแนวทาง สิสัญญากับคุณพ่อไว้ คุณพ่อบอกว่าสิจะทำอะไรก็ได้ แต่สิต้องเรียนหนังสือ สิก็เรียน อีกอย่างสิเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วเพราะที่บ้านปลูกฝังมาให้รักการอ่าน เพราะฉะนั้นวิชากฎหมายสำหรับสิมันจึงไม่ใช่เรื่องยาก สิก็เลยสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ให้เสียทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน

ความฝันจะสำเร็จได้ถ้าทุกคนมีความพยายามที่จะทำตามความฝัน
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เป็นคติสำคัญมาก เพราะสิไม่ได้ตำแหน่งนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ประกวด ปีที่แล้วสิก็มาแต่ก็ไม่ได้ ถ้าสิเลิกล้มตั้งแต่วันนั้นสิก็ไม่ได้เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ และสำคัญที่สุดอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น มีหลายคนที่เขาสวยกว่าสิ เก่งกว่าสิ อายุน้อยกว่าสิ แต่ความสามารถเท่าสิ แต่ใจเขาไม่สู้เท่าสิ เขาไม่ได้หรอก คุณจะพร้อมขนาดไหน คุณจะเก่งขนาดไหน แต่ใจไม่สู้มันก็ไม่มีความหมาย

ที่มา "การศึกษาวันนี้"
ผู้เขียน : iamamwa ช่างภาพ : Anucha

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ น้องสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2010

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook