ช็อกโกแลต "แก้ไอ" แต่ต้องระวัง "สิว" แทน

ช็อกโกแลต "แก้ไอ" แต่ต้องระวัง "สิว" แทน

ช็อกโกแลต "แก้ไอ" แต่ต้องระวัง "สิว" แทน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หาใครต้องเผชิญกับปัญหาอาการไอเรื้อรังล่ะก็ ลองหันมากินช็อกโกแลตดู เพราะมีผลงานวิจัยจากวิทยาลัย Imperial College ที่เมืองลอนดอนประเทศอังกฤษพบว่า ในผลโกโก้มันมีสารชนิดหนึ่งที่มีรสขมชื่อว่า ธีโอโบร์ไมน์ (Theobromine) สารที่ว่านี้มีฤทธิ์สามารถช่วยหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล โดยมันไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ (Vagus nerve) ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอนั่นเอง พบว่ามันได้ผลดีกว่ายาโคเดอีน (Codeine) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในยาแก้ไอที่ได้ผลดีในปัจจุบัน โคเดอีนมักจะมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น ผู้ที่รับประทานจะเกิดอาการง่วงนอน ซึ่งเป็นข้อจำกัดของมัน แต่ธีโอโบร์ไมน์ (Theobromine) เป็นสารที่มีลักษณะคล้ายกับคาเฟอีน(ที่พบในชา กาแฟ) เราสามารถสกัดสารธีโอโบร์ไมน์นี้ได้จากโกโก้ โดยในระหว่างที่ทำการทดสอบยังไม่พบอาการง่วงนอนเกิดขึ้นแม้จะใช้ในขนาดปริมาณมากๆ ก็ตาม

แต่ในแง่กลับกันช็อกโกแลตก็มีส่วนผสมของนม เนื่องจากนมเป็นอาหารย่อยยาก เมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดหมักหมมในกระเพาะอาหาร และเกิดการเจริญเติบโตของ ยีสต์ (Yeast) ซึ่งเมื่อเพิ่มมากขึ้นก็จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ แต่ถ้าหากเกรงว่าจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่คอยได้รับจากนม เราสามารถเลือกทานจากอาหารกลุ่มอื่นได้ เช่น ไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ ปลาตัวเล็ก และเนื้อสัตว์ เพื่อทดแทนโปรตีนและแคลเซียมจากนมได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook