โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ให้ passion สร้างความสำเร็จ

โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ให้ passion สร้างความสำเร็จ

โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ให้ passion สร้างความสำเร็จ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยน้ำเสียงทรงเอกลักษณ์และบุคลิกที่มั่นใจ ได้สร้างเสน่ห์และความประทับใจในเธอคนนี้ โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ยังผลให้ใครๆ รู้จัก จดจำ และเฝ้าติดตามผลงานของโอปอล์มาโดยตลอด นับแต่ปรากฏภาพของเธอบนหน้าจอ

โอปอล์บอกกับเราว่า ทุกการแสดงของเธอที่เห็นผ่านหน้าจอ ล้วน "ไม่ใช่สิ่งจริง" แต่เราและคุณคงคิดเหมือนกันว่า ทุกผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เธอตระหนักและเต็มที่กับทุกบทบาท ซึ่งนั่นเป็น "สิ่งจริง" และทำให้เราตกหลุมรักนักแสดงคนนี้ ..."โอปอล์"

"ปอล์รักทุกงานที่ทำค่ะไม่ว่าจะเป็นงานดีเจที่ 94 EFM หรือพิธีกรหลายๆ รายการ เช่น ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ ดาวอาสา Sister Day ซึ่งนั่นอาจจะเป็นงานที่สะท้อนตัวตนของปอล์อยู่บ้าง แต่สำหรับบทบาทในการแสดงไม่ว่าจะเป็นละครหรือภาพยนตร์ ทุกตัวละครที่ปอล์สวมบทบาทล้วนไม่มีอะไรเป็นปอล์เลย แต่ปอล์ก็รักทุกงานที่ปอล์ทำ"

ก่อนที่ชีวิตของโอปอล์จะมาโลดแล่นอยู่บนเส้นทางสายบันเทิง เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความฝันและมุ่งมาดปรารถนา เธอฝันที่จะเดินทางรอบโลก...คนเดียว

"ปอล์เคยมีความคิดความฝันแบบเด็กๆ ว่า เมื่อโตขึ้นฉันอยากจะท่องเที่ยวไปทั่วโลกคนเดียว และก็เพราะความฝันนี้แหละค่ะที่ทำให้ปอล์มุ่งมั่นมากในการเรียน โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ปอล์ค่อนข้างมี passion (ความชอบ) มากกับวิชานี้ เพราะปอล์คิดว่าถ้าอยากไปเที่ยวทั่วโลก อย่างไรเสียก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษไว้ก่อน ต้องสื่อสารได้ นั่นจึงทำให้ปอล์ค่อนข้างจะขยันเรียนมากและทำคะแนนวิชาภาษาอังกฤษได้ดีมาตลอด ตั้งแต่สมัยประถม จนมาถึงมัธยมต้นที่ราชินี และมัธยมปลายที่เตรียมอุดมศึกษา"

แล้ววันหนึ่ง passion ของโอปอล์ก็ได้สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตและต่อยอดความคิดใหม่ๆ

"จากเด็กที่เชื่อว่าตัวเองเก่งภาษาอังกฤษมาตลอด พอโตมาปอล์มีเพื่อนเป็นเด็กที่เรียนนานาชาติ เด็กนักเรียนนอกเยอะมาก ซึ่งทำให้ปอล์พบว่า การเรียนภาษาอังกฤษในแบบคนไทยนั้นไม่ค่อยเวิร์ค เพราะเราจะเน้นเรื่องแกรมมาร์ ข้อสอบภาษาอังกฤษของบ้านเรา นอกจาก tense ปกติ 5 tense 12 tenseที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เรายังเจอข้อสอบภาษาอังกฤษซึ่งถามเรื่องที่ฝรั่งยังไม่รู้ว่ามีอยู่จริงด้วยซ้ำ แต่ครูไทยต้องการให้เด็กไทยรู้หมด แต่ใช้ไม่ได้จริง นั่นคือระบบการสอนของบ้านเรา ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่โยงมาถึงมุมมองของปอล์ที่เห็นว่า พอคนไทยด้วยกันพูดแกรมมาร์ผิด ก็จะโดนถากถาง โดนหัวเราะเยาะ แต่เพื่อนฝรั่งไม่เคยว่า ในขณะที่เพื่อนคนไทยที่จะหัวเราะเยาะทันทีเมื่อพูดผิดแกรมมาร์ ปอล์ว่านั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไทยที่ไม่มั่นใจเรื่องภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่ แต่ปอล์ไม่แคร์ เพราะภาษาคือสิ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ดังนั้นหลักใหญ่ใจความของภาษาก็คือการสื่อสารให้เข้าใจ แกรมมาร์ปอล์ไม่ถูกหมดหรอกค่ะ แต่ปอล์สามารถสื่อสารกับเพื่อนต่างชาติได้อย่างเข้าใจ"

สำหรับโอปอล์ ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังเป็น daily life ของมนุษย์อีกด้วย

"ปอล์ว่าภาษาอังกฤษคือชีวิตประจำวันของเรา มันคือ daily life อย่างตอนเด็กๆ เราเรียนภาษาอังกฤษก็เพื่อเอาเกรด แต่พอเรียนจบมา ภาษาอังกฤษที่เราเรียนแค่เอาเกรด กลับต้องถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างปอล์ก็ใช้ในการเป็นพิธีกรสองภาษา ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ใช้ในการหาความรู้ต่างๆ ใช้ในสิ่งที่บางครั้งต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษคำเดียวแล้วเข้าใจได้ทันทัน ดังนั้นภาษาอังกฤษก็คือชีวิตประจำวัน"

โอปอล์ปฏิเสธทันทีที่เราถามว่า ทัศนคติเชิงบวกของเธอที่มีต่อภาษาอังกฤษเป็นผลมาจากการศึกษาด้านโฆษณาและวาทวิทยา (Ad และ Speech) ซึ่งเป็นวิชาโท รองจากสาขาประชาสัมพันธ์ (PR) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เธอสำเร็จมาหรือไม่

"ปอล์ว่าไม่เกี่ยวนะคะ ปอล์คิดว่าไม่ว่าคุณจะเรียนอะไรก็ตาม attitude หรือทัศนคติในชีวิตที่จำเป็นและสำคัญไม่น่าจะมีผลมาจากวิชาต่างๆ นานาที่ร่ำเรียนมา อย่างปอล์เรียนนิเทศศาสตร์ เอก PR โท Ad และ Speech มันแทบไม่มีผลต่อ attitude (มุมมอง) ในการใช้ชีวิตหรือแก่นชีวิตของปอล์เลย ปอล์ว่าอยู่ที่มุมมองมากกว่า เช่น บางคนมีมุมมองลบแม้จะเรียนจิตวิทยามาก็ตาม คุณรู้ว่าจิตวิทยาที่ถูกควรทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ชีวิตที่คุณบ่มเพาะมาทำให้คุณเป็นคนที่ negative สุดๆ นั่น เคยเจอไหมคะคนที่ไม่เคยมีอะไรดีพอเลยในชีวิต เช่น รถติดก็บ่น ชีวิตฉันไม่เคยดี ชีวิตฉันบัดซบ ทั้งที่ชีวิตคุณดีมาก เพียงแต่คุณไม่มองอีกมุมเท่านั้น ผิดกับอีกคนที่ชีวิตแย่มาก แต่เขากลับมองมุมดีที่มีอยู่น้อยนิด เช่น ฉันน่าจะสอบไม่ติดซัก 70 เปอร์เซ็นต์ แต่เอาเหอะอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็ยังมีลุ้น อะไรอย่างนี้สำหรับทัศนคติที่มีต่อภาษาอังกฤษของปอล์ ปอล์ยอมรับอย่างหนึ่งว่า ปอล์เป็นเด็กนักเรียนไทยที่เรียนโรงเรียนไทยมาโดยตลอดตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัยเกรดภาษาอังกฤษของปอล์คือ ดีมากถึงมากที่สุดมาตลอด แกรมมาร์ปอล์ไม่เป๊ะหรอก อย่างที่บอก เมื่อปอล์พูดผิด เพื่อนคนไทยด้วยกันจะตลก แต่เมื่อวันที่ปอล์โตขึ้นมาแล้วปอล์มีเพื่อนฝรั่งเยอะแยะมากมาย ปอล์อยากพูดอะไรก็พูดแกรมมาร์ผิดยังไงก็จะพูด เรื่องราวในอดีตปอล์จะเล่าเป็น Present Tense ก็เรื่องของปอล์จะทำไม แล้วฟังรู้เรื่องไหม อะไรอย่างนี้ แต่พัฒนาการด้านภาษาอังกฤษก็ดีขึ้นเรื่อยๆเพราะหลักใหญ่คือเราต้องการสื่อสาร และภาษาก็ใช้สำหรับการสื่อสาร ปอล์ปฏิบัติอย่างนี้ด้วยทัศนคติที่เกิดจากประสบการณ์สั่งสมและเรานึกขึ้นได้ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าเราเรียนอะไรมา"

อยู่เมืองไทยหรือไปต่างประเทศก็เก่งภาษาอังกฤษได้

"สำหรับปอล์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ฝึกได้ ไม่จำเป็นว่าเราต้องไปไกลถึงต่างประเทศแล้วค่อยฝึก ปอล์ว่าแรงบันดาลใจสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา วิธีฝึกภาษาอังกฤษของปอล์ก็คือ การรับสื่อที่ไม่มี subtitle อย่างถ้าปอล์จะดูเคเบิลสักช่องหนึ่ง ดูหนังหรือซีรี่ส์สักเรื่อง ปอล์จะไม่ดู subtitle ปอล์ใช้วิธีแกะเอา พยายามฟัง soundtrack ปอล์จะ ช่อง HBO หรือเช่าวิดีโอมาดู ถ้าฟังเพลงฝรั่งก็จะแกะเนื้อ จากนั้นเปิด dictionary หาศัพท์ตาม ปอล์ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่เด็กโดยไม่ได้เรียนพิเศษเลยทั้งหมดนี้เพราะปอล์มี passion จริงๆ ซึ่งพอโตขึ้นมามีโอกาสไปต่างประเทศ ปอล์สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติโดยที่เราเองนึกไม่ถึงเลยว่า นั่นเป็นผลมาจากการดูหนังฝรั่งเมื่อตอนประถมปลายแล้วเรายังจำมันได้

เมื่อเราเกิด passion ในสิ่งใดก็ตาม มันจะมีแรงผลัก อย่างปอล์ชอบภาษาอังกฤษ ปอล์ก็มานั่งคิดว่า ระบบการเรียนแบบโรงเรียนไทยอนาคตเราจะพูดได้ไหมกับสิ่งที่เราเรียนมา คำตอบคือ ไม่ได้ ทีนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ เราเรียนจากหนังจากเพลงได้ไหม อาศัยฟังบ่อยๆ ได้หรือเปล่า ฝึกฝนเอาเอง ตอนเด็กปอล์พก dictionary ติดตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะปอล์ชอบฟังเพลงฝรั่ง ซึ่งพอฟังแล้วติดประโยคไหนก็เปิด dictionary ดูเลย แล้วจำได้มาจนโตจนแก่ คือถ้าอยากรู้อะไรก็ฝึกสิ ศึกษาสิ ทำไมจะไม่ได้ ไม่มีอะไรยากเกินสมองของเราหรอก"

มาถึงวันนี้ ภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่ทำให้เสี้ยวหนึ่งของความฝันที่จะเที่ยวรอบโลกของโอปอล์เป็นจริง แต่ภาษาอังกฤษยังเข้ามาทำ "หน้าที่" ในอาชีพของโอปอล์อีกด้วย

"ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทไม่น้อยเลย บางทีปอล์ก็ต้องทำหน้าที่พิธีกรสองภาษา หรือปอล์ต้องสัมภาษณ์ฝรั่ง และปอล์ก็เชื่อว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานอาชีพอะไร คุณหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นภาษาสากล และเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญในชีวิตประจำวันที่เราควรเรียนรู้ไว้

คงต้องขอบคุณ passion ดีๆ ที่กระโดดเข้ามาในชีวิตของโอปอล์ และเธอก็กอดมันไว้ เพื่อนำทางมาสู่เป้าหมายของชีวิต

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook