วัยรุ่นอยากผอม...ความกดดันของเด็กยุคนี้

วัยรุ่นอยากผอม...ความกดดันของเด็กยุคนี้

วัยรุ่นอยากผอม...ความกดดันของเด็กยุคนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วัยรุ่นมักมีความคิดเรื่องน้ำหนัก ส่วนสูง ที่ไม่เป็นไปตามสภาพจริงนัก โดยเฉพาะวัยรุ่นสาวๆ เหล่านี้มักมองว่าตนเองอ้วนเกินไป

รูปร่างกับความสวยความงามเป็นของคู่กันกับวัยรุ่นสาวส่วนมาก เมื่อเด็กหญิงเข้าสู่วัยรุ่นรูปร่างมีการเปลี่ยนแปลง มีส่วนขยายและโค้งเว้า จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มักใส่ใจกับรูปร่างของตนมากขึ้น ขณะที่คนผอมมักถูกมองว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ สวย ใครๆ ต่างก็นิยมชมชอบ ป็อปปูลาร์น่าดู ซึ่งภาพลักษณ์แบบนี้เห็นกันได้มากในนิตยสาร โฆษณา และโทรทัศน์ต่างๆ สาววัยรุ่นจึงมักเลือกที่จะไดเอทเพื่อที่จะให้รูปร่างเหมือนดาราและนางแบบ

แต่วิธีการนั้น อาจจะไม่ถูกต้องนัก และอาจทำร้ายร่างกายตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดความอ้วน ลดอาหาร หรือเลี่ยงการรับประทานอาหารหมวดใดหมวดหนึ่ง วิธีพวกนี้ทำให้ร่างกายได้รับสารที่จำเป็นไม่พอสำหรับการเจริญเติบโต และทำให้ไม่มีพละกำลังทำกิจกรรมต่างๆ

วัยรุ่นที่อ้วนจริงควรได้รับคำปรึกษาจากนักกำหนดอาหาร เรื่องอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับควบคุมน้ำหนักที่ไม่ทำให้เสียสุขภาพ การที่คิดว่าจะต้องลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อที่จะใส่ชุดว่ายน้ำให้ดูสวยนั้น เป็นไปไม่ได้ และไม่ดีต่อสุขภาพด้วย บางครั้งความคิดอยากผอมนี้นำไปสู่ความหลงใหล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก สาวๆ วัยรุ่นอาจมีความคิดบิดเบือนเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง เขาจะมองตนเองว่าอ้วนทั้งๆ ที่มีรูปร่างผอมมาก ความหลงใหลในความผอมนี้เป็นผลทำให้มีนิสัยการกินผิดปกติไป ที่เรียกว่า eating disorder

วัยรุ่นบางคนใช้วิธีอดอาหารมากๆ หรือบางคนอาจกินอาหารในปริมาณมากและล้วงคอให้อาเจียนออกมา ร่วมกับการใช้ยาระบายในปริมาณสูง ผลที่ตามมาคือร่างกายขาดอาหาร และถึงขั้นเสียชีวิตได้ วัยรุ่นที่มีนิสัยการกินผิดปกติควรรีบปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที

มาดูว่า ตอนนี้วันรุ่นที่คลั่งผอม เมื่อไดเอทมากเกินไป จะก่อผลเสียอะไรกับตัวเองบ้าง

โรคอะนอเร็กเซีย (Anorexia)

จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีนิสัยการกินผิดปกติ เขาจะมีน้ำหนักลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีเจตนาที่จะหยุดกินอาหารหรือกินในปริมาณน้อยมาก คำว่า อะนอเร็กเซีย ภาษากรีกแปลว่า ไม่มีความหิว แต่จริงๆ แล้วผู้ที่เป็นอะนอเร็กเซีย ในที่นี้มีความหิวมาก แต่ปฏิเสธความหิวนี้ออกไป

แพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นอะนอเร็กเซีย เมื่อ
-มีน้ำหนักต่ำกว่า 15% ของน้ำหนักปกติ (วัดจากส่วนสูงและอายุ)
-ยังลดน้ำหนักอยู่ และไม่ยอมหรือสามารถเลิกได้
-ผู้หญิงที่ขาดประจำเดือนติดต่อกัน 3 เดือน
-มีความคิดบิดเบือนเกี่ยวกับขนาดและรูปร่างของตน
-มีความกลัว อ้วน มาก

ถึงแม้ว่าวัยรุ่นอาจไม่มีอาการทั้งหมดนี้ แต่อาจมีอาการบางอย่างของอะนอเร็กเซีย ก็ยังควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษา บางคนที่กลัวอ้วนอาจมีอาการของโรคบูลีเมียคือใช้วิธีล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาระบาย หรือออกกำลังกายหักโหมร่วมด้วย วัยรุ่นที่เริ่มลดน้ำหนัก
คงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอะนอเร็กเซีย แต่อะนอเร็กเซีย มักเกิดขึ้นจากการไดเอท ซึ่งมีผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก เมื่อน้ำหนักเริ่มลง วัยรุ่นจะเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้อยากทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นหรือความเป็นตัวของตัวเองในช่วงสั้นๆ เมื่อโรคอะนอเร็กเซียเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ผู้เป็นมักทำคือ "ปฏิเสธ" ว่าตัวเองผิดปกติเมื่อคนอื่นแสดงความห่วงใย ปฏิเสธว่าตนต้องการอาหารมากกว่าที่รับประทานอยู่ และปฏิเสธที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเข้า ร่างกายก็จะยิ่งถูกทำลายมากขึ้น

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากอะนอเร็กเซีย คือ
-ผิวแห้ง ผมร่วง
-มีรอยฟกช้ำง่าย
-เห็นกระดูกโผล่ออกมาชัดเจน
-มือ เท้าเย็น
-วัยรุ่นที่ยังไม่มีประจำเดือน อาจเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นช้า หรือถ้ามีประจำเดือนแล้วฮอร์โมนที่ลดลงจะทำให้ประจำเดือนขาดไป หรือไม่มีเลย
-มีอารมณ์แปรปรวน อาจมีโรคซึมเศร้า ใจร้อน โมโหง่าย หรืออาจถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย
-มวลกระดูกลดลง มีความเสี่ยงของกระดูกหักง่าย และโรคกระดูกพรุน
-นอนไม่หลับ ความดันโลหิตต่ำ ท้องผูก มีอาการหนาวสั่น ไตวาย หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย และถึงกับเสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นอะนอเร็กเซีย ก็สามารถรักษาให้หายมีสุขภาพดีได้ โดยควรได้รับการดูแลจากแพทย์ จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา และนักกำหนดอาหาร ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนนิสัยการกินจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ผู้ที่เป็นแอนโนเร็กเซียจะรู้สึกดีขึ้นและเป็นสุขกับชีวิตทุกด้านเมื่อหายแล้ว

วัยรุ่นควรเข้าใจว่าไม่มีอาหารที่ ดี หรือ ไม่ดี อาหารทุกอย่างสามารถนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการรับประทานอาหารได้ อาหารเพื่อสุขภาพ คืออาหารจากทุกหมวดหมู่ ได้แก่ ข้าว ธัญพืช ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อสัตว์ เต้าหู้และไขมัน ไม่มีอาหารใดอาหารหนึ่งที่มีสารอาหารครบ ดังนั้นเราจึงต้องการอาหารหลากหลายจากหมวดต่างๆ

ผู้ปกครองควรสอนลูกๆ วัยรุ่นถึงการเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ ด้วยวิธีการดังนี้
-ไม่ซื้อขนมจุบจิบที่มีไขมันสูงไว้ที่บ้าน ทดแทนด้วยผักผลไม้ ที่หั่นหรือทำให้สุก เก็บไว้ในตู้เย็นเสมอ
-ให้เขาช่วยตัดสินใจ เลือกเมนูอาหาร ช่วยจ่ายตลาด และช่วยทำอาหาร
-เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับวัยรุ่นโดยเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่
-ถ้าพวกเขาเลือกรับประทานมังสวิรัติ ควรสนับสนุน และสอนให้รู้จักเลือกอาหารเพื่อให้ได้โปรตีนเพียงพอ นั่นคือ ควรทดแทนเนื้อสัตว์ด้วยเมล็ดถั่ว ธัญพืช ถั่วเหลือง เต้าหู้ และโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ (โปรตีนเกษตร) และอาจมีไข่หรือนมด้วย ถ้าไม่ดื่มนมควรทดแทนด้วยอาหารที่มีแคลเซียมสูงอย่างอื่น ได้แก่ นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม งาดำ และผักใบเขียว
-การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน ควรสนับสนุนให้วัยรุ่นออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ผู้ปกครองอาจร่วมด้วยทำเป็นกิจกรรมของครอบครัว

ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ วัยรุ่นที่ไม่อยากมีน้ำหนักเกินควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจากทุกหมวดหมู่ และออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เลี่ยงการไดเอทโดยการอดอาหาร หรือการรับประทานยาลดน้ำหนักโดยไม่จำเป็นเพราะอาจมีผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

ที่มา นิตยสาร Health today

เรียบเรียงโดย Never-Age.com

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook