โดม ปกรณ์ ลัม เปิดโลกอีกครึ่งใบได้ด้วยภาษาอังกฤษ

โดม ปกรณ์ ลัม เปิดโลกอีกครึ่งใบได้ด้วยภาษาอังกฤษ

โดม ปกรณ์ ลัม เปิดโลกอีกครึ่งใบได้ด้วยภาษาอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ว้าวๆ... ขอเสียงกรี๊ดให้กับแขกรับเชิญของ I Get English ฉบับนี้หน่อยค่า.... โดม-ปกรณ์ ลัม หนุ่ม ลูกครึ่งเชื้อสายไทย-เยอรมัน-สิงคโปร์ที่มีความสามารถ ความคิด และการวางตัวดีระดับเทพพอๆ กับรูปลักษณ์สะดุดตาตรึงใจ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมชื่อเสียงของเขาจึงไม่มีตกนับตั้งแต่ก้าวเข้าวงการบันเทิงมายาวนานกว่า 10 ปี

ก้าวแรกของโดมบนถนนสายบันเทิง เริ่มจากการเป็นนักร้องซึ่งประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรก จนมาถึงวันนี้เขาเติบโตทั้งด้านความคิด และการทำงาน ขยับขยายมาสู่การเป็นผู้บริหารบริษัทไอโคนิค คลับบิ้ง สตูดิโอ ผลิตผลงานบันเทิงที่ขณะนี้มีอัลบั้มเป็นของตนเองควบคู่กับการส่งศิลปินหน้าใหม่สู่ตลาดเพลงของบ้านเราขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานนักโดมประเดิมงานแสดงละครให้กับค่ายโพลีพลัสในเรื่องรักไม่มีวันตาย หลังจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวในละครเวทีเรื่องทวิภพ เดอะ มิวสิเคิล และอีกครั้งกับการพิสูจน์ฝีมือด้านการแสดงในละครเรื่อง ตะวันทอแสง ซึ่งเขาสวมบท "ภคพงษ์" ชาย หนุ่มผู้หล่อเนี้ยบ พูดน้อย เจ้าทิฐิ ไม่เชื่อเรื่องความรัก เจ้าของบริษัทส่งออกจิวเวลรีชั้นนำของเมืองไทย บทบาทที่โดมบอกว่ามีความเป็นมนุษย์มากกว่าจะเป็นแค่ตัวละครในนิยาย

"บทในตะวันทอแสงที่ผมได้รับเป็นบทที่ท้าทายมากๆ สำหรับตัวภคพงษ์เป็นตัวละครที่มีบุคลิกที่มีความเป็นมนุษย์สูงมาก ไม่ได้ดูเป็นตัวละครจนเกินไป ผมเชื่อว่าคนทั่วไปมักจะมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี แต่ในละครส่วนมากก็จะฉายบุคลิกตัวละครออกมาด้านเดียว ดีก็ดีไปเลย เลวก็เลวไปเลย แต่ตัวละครภคพงษ์เขาเป็นเหมือนมนุษย์ ธรรมดาทั่วไปที่มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ผมว่าน่าสนใจครับ"

โดมคาดหวังกับละคร เรื่องนี้อย่างไรบ้าง
"ผมคาดหวังในเรื่องของคุณภาพครับ ก็อยากให้ผลงานออกมาดี ณ วันนี้ผมเองก็บอกไม่ได้ว่างานจะออกมาประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ผมคิดว่าผมสามารถทำให้ผลงานออกมาดีมีคุณภาพได้ถ้าผมตั้งใจทำ ซึ่งผมเองก็หวังว่าจะมีพลัง มี สมาธิ มีแรงจูงใจพอที่จะขับเคลื่อนผลงานละคร เรื่องนี้ให้มีคุณภาพตรงตามบทละครตรงตามคาแรกเตอร์ที่บทประพันธ์ได้เขียนไว้มากที่สุดครับ"

ระหว่างการทำงานเพลงกับงานแสดง อะไรท้าทายสำหรับโดม มากกว่ากัน
"ผมว่าทุกงานท้าทายหมดเลยครับ สำหรับ งานเพลง ในแต่ละยุค แต่ละอัลบั้มก็มีวิธีคิด ตัวแปร และการแข่งขันที่ต่างกันออกไป อย่างตอนนี้ผมมีผลงานอัลบั้มใหม่ซึ่งรู้สึกว่าท้าทาย ากเหมือนกันเพราะว่าผมอยู่ในวงการเพลงมาครบ 15 ปีแล้ว และอัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มเดี่ยวในรอบ 10 ปีของผม นั่นหมายความว่าคนไม่เห็นผมร้องเพลงแบบเดี่ยวๆ อย่างที่ผมเริ่มเข้าวงการมา10 ปีแล้ว อัลบั้มนี้ก็เหมือนกับเป็น Profile ของชีวิตผม ที่สำคัญคือถ้าผมทำออกมาได้ดี อีก 20 ปี-30 ปีเมื่อผมมองย้อนกลับมาก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ ผมว่ามันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้งในฐานะนักร้อง ผมอยากทำมันให้ดี ในขณะเดียวกันผมก็มีงานละครด้วย ซึ่งทั้งสองงานก็รอการพิสูจน์นะครับ"

ในฐานะศิลปิน โดมคิดว่าการมีความรู้ความสามารถ ด้านภาษาอังกฤษนั้นจะช่วย เกื้อหนุนต่อการทำงานเพลงและงานแสดงได้หรือเปล่า
"ถ้ามองในแง่การทำงานของผมเอง ต้องบอกว่ามีผลนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้ต้องยอมรับว่าเราทำเพลงโดยอิงกระแสของตะวันตก เพลงที่ไม่ได้เป็นวัฒนธรรมของเราเพลงที่มีรากเหง้ามาจาก อังกฤษ ยุโรป ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจถึงวิธีการคิดของเขา
จุดกำเนิดของเขามีศิลปินใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาเขาแต่งเพลงอย่างไร เขาร้องเกี่ยวกับเรื่องอะไร ถ้าเราฟังเข้าใจก็สามารถทำให้เราลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องแนวทางของมันได้ รวมไปถึงเรื่องวิธีการทำงานเพลงของผม ภาษาอังกฤษได้เข้ามาเกี่ยวกับขั้นตอนการบันทึกเสียงด้วย ต้องยอมรับว่าสื่อหรือเรื่องที่เกี่ยวกับสตูดิโอ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนมากก็เป็นภาษาอังกฤษ ฉะนั้นถ้าเราอ่านออก เขียนได้ก็จะสะดวก ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ผมซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในสตูดิโอมาสิ่งแรกที่ผมจะทำคือ อ่านคู่มือ ซึ่งผมจะอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลย หรือบางทีผมก็หาหนังสือที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน นั้นๆ มาอ่าน ซึ่งบางทีไม่มีแปลเป็นภาษาไทย แต่ถ้าเราหามาอ่านได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่อย่างคู่มือการแนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ คนไทยก็ไม่ค่อยอ่านกัน อาจด้วยมีเหตุผลหลายประการนะครับ อันดับแรกอาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจภาษาและศัพท์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศัพท์เฉพาะทาง เป็นศัพท์ยาก ก็จะรู้สึกว่าเฮ้ย...คู่มืออะไรไม่รู้ โยนทิ้ง ใช้ๆ ไปเดี๋ยวก็เป็น แต่จริงๆ การอ่านคู่มือผมว่าดีมากเลยนะ อย่างซื้อรถมาคันหนึ่ง ผมอ่านคู่มือนะ ซึ่งทำให้ผมรู้หมดเลย บางทีมันจะมีปุ่มชอร์ตคัทอะไรต่างๆ ที่เรายังไม่รู้ เราก็ได้รู้หมด เราจะรู้ว่าเพราะอะไร ใช้อย่างไร"

ถ้าจะจัดให้ภาษาอังกฤษเป็น สิ่งที่มีความสำคัญต่อ ชีวิตมนุษย์ โดมจะจัดให้ภาษาอังกฤษอยู่ในอันดับที่เท่าไร และเพราะอะไรคะ
"จริงๆ แล้วภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็น อย่างมากในชีวิตยุคนี้นะครับ เพราะโลกเราแคบลง สมัยก่อนคนพูดแต่ภาษาบ้านเกิดของตัวเองก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โลกแห่งการสื่อสารก็ยังแคบอยู่ ยังไม่ก้าวไกลเหมือนเดี๋ยวนี้ แต่สมัยนี้เราติดต่อทำธุรกิจกับชาวต่างชาติทั่วโลกเลยล่ะ ผมว่าปัจจุบันนี้เรากำลังมองว่าโลกเกิดอะไรขึ้น โลกใช้อะไร โลกพูดภาษาอะไร ฉะนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ถ้าให้จัดอันดับความสำคัญของภาษาอังกฤษ ผมก็คงจัดให้อยู่อันดับต้นๆ เพราะ คุณอาจจะเสียโอกาสอีกมากมายถ้าคุณขาด ทักษะภาษาอังกฤษ ผมกำลังพูดถึงอะไรที่เป็นพื้นฐานในการทำงานเลยนะ จบออกมาในการสมัครงานคุณก็มีโอกาสที่ดีกว่าถ้าหากว่าคุณพูดภาษาอังกฤษได้ คุณก็คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของบริษัทเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้แต่ละบริษัทก็ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก อันนี้ก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนต้องตระหนักกับโอกาสและค่าตอบแทนที่จะได้รับ ถ้ามองให้ลึกกว่านั้นการที่คุณมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษย่อมหมายถึงคุณจะสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้สะดวก คุณไปไหนคุณก็ไม่อดตายไม่ลำบาก ผมว่าภาษาอังกฤษสำคัญพอๆ กับการที่คุณมีเงินเลยนะ ผมว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่เราปฏิเสธไม่ได้ เลยว่ามีผลต่อการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ และสำหรับภาษาอังกฤษผมว่าก็ได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชีวิตไปแล้วครับ"

ฝากถึงน้องๆ ที่อยาก "ตกหลุมรักภาษาอังกฤษ" แต่อาจยังรู้สึกกลัวๆ กล้าๆ
"ผมว่าเดี๋ยวนี้น้อยนะที่เด็กรุ่นใหม่จะกลัวหรือไม่กล้าเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ผมยอมรับว่าในวัยเด็กผมเป็นคนหนึ่งที่กลัวฝรั่ง ทั้งที่คุณพ่อของผมก็ไม่ใช่คนไทยนะ แต่ผมเป็นโรคกลัวฝรั่ง ไม่รู้ทำไมเห็นฝรั่งตัวโตๆ ผมทองๆ พูดภาษาอังกฤษ แล้วด้วยบุคลิกของฝรั่งเขาจะเป็นคนกล้าแสดงออก จะเสียงดังๆ มาถามนู่นถามนี่ เราก็ใบ้กิน (หัวเราะ) บางทีพูดอะไรไม่ออกเลยก็มี ผมยอมรับเลยว่าผมเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน แต่ในที่สุดพอเราเริ่มเข้าใจภาษาอังกฤษ แล้วก็รู้ถึงวิธีการคิดของฝรั่งเขาแล้ว เขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่คิดเหมือนเรา ไม่ได้เก่งอะไรไปกว่าเราเลย บางทีผมว่ากระบวนการคิดของเราซึ่งเป็นคนเอเชียละเอียดกว่าเขาด้วยซ้ำ ฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจและรู้วิธีคิดของเขาเราก็จะไม่กลัว เราก็จะสามารถเปิดโลกอีกครึ่งใบได้ ผมว่ามุมมองที่กว้างขึ้นจะทำให้เรามีประสบการณ์ที่มากขึ้น ถ้าเราเริ่มต้นได้ตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าเรามีโอกาสเดินทางได้เห็นโลกมากขึ้น นั่นจะทำให้โอกาสของเรามุมมองของเราเปลี่ยนไป กว้างขึ้น คมขึ้น ไกลขึ้น แม่นขึ้น ฉะนั้นเรียนไว้เถอะครับภาษาอังกฤษน่ะ โตขึ้นจะได้ไม่เสียใจ"

เราเชื่อว่า I Get English ฉบับนี้ได้เปิดมุมมองของโดม-ปกรณ์ ลัมให้คุณได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน เราก็เชื่อว่าเมื่อคุณอ่านบทสัมภาษณ์นี้จบ มุมมองต่อภาษาอังกฤษของคุณได้ถูกเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน

คอลัมน์ Interview
เรียบเรียงโดย กญญาณ์ มาเปี่ยม (I Get English Magazine)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook